Special Report: Principal Property Income Fund (PRINCIPAL iPROP) (Thai version only)

ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ราคาสินทรัพย์กลุ่ม REITs  ค่อนข้างผันผวน ปัจจัยจากแรงกดดัน งบไตรมาส 2/20 และปัจจัยเฉพาะเกี่ยวกับมุมมองต่อ REITs ในกลุ่มอาคารสำนักงาน ที่ปัญหาอุปทานส่วนเกินอาจกดดันต่อการปรับเพิ่มขึ้นค่าเช่าพื้นที่ในอนาคต และความกังวลที่เกิดขึ้นกับสินทรัพย์รายตัวทั้งในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน 

โดย ณ ปัจจุบัน ทาง บลจ. พรินซิเพิลเชื่อว่า ราคาสินทรัพย์กลุ่ม REITs ได้สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยที่สร้างความผันผวนไปมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยที่เป็นผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 และมุมมองเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากอุปทานส่วนเกินในอนาคตของ REITs ในบางกลุ่ม 

ในขณะเดียวกัน สภาพคล่องที่ล้นตลาดการเงิน แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงต่ำต่อเนื่อง และการปรับตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์กลุ่ม REITs โดยรวมที่ยังต่ำกว่าการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นในปีนี้ ต่างยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์กลุ่ม REITs 

ทั้งนี้สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์กลุ่ม REITs ณ ปัจจุบัน ทีมผู้จัดการกองทุนของ บลจ พรินซิเพิลจะเลือกกลยุทธ์การลงทุนใน REITs รายตัวคุณภาพดี มีโอกาสเติบโตในรูปแบบ Organic/Inorganic โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ Overweight ณ ปัจจุบันได้แก่ กลุ่ม Data Center และ Logistic ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการเติบโตของโลกออนไลน์ และ e-commerce รวมถึงสินทรัพย์ในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการใช้ชีวิตประจำวัน (Defensive)

สำหรับสัดส่วนการลงทุนสินทรัพย์รายประเทศ ณ ปัจจุบัน กองทุน PRINCIPAL iPROP เน้นให้น้ำหนักการลงทุนใน REITs ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ได้ดี สามารถใช้มาตรการกระตุ้นทางการเงิน/การคลังได้อย่างตรงจุด และมีสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์กับการเติบโตของกระแสโลกที่ตรงตาม Megatrend เป็นจำนวนมาก

คำแนะนำในการลงทุน
กองทุน PRINCIPAL iPROP เน้นลงทุนใน REITs และ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งโดยทั่วไปจะมีโอกาสจ่ายปันผลในอัตราที่สูงกว่าตราสารหนี้  และมีประวัติการปรับตัวของราคาที่ไม่ไปทางเดียวกับตราสารหนี้และหุ้นอย่างสมบูรณ์ เหมาะแก่การเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในพอร์ตฟอริโอหลัก (ลงทุนระยะยาว) เพื่อกระจายความเสี่ยงและคาดหวังผลตอบแทนในรูปแบบ Income ทั้งนี้ในระยะสั้นการลงทุนอาจมีความผันผวนตามสภาพแวดล้อมที่มีความไม่แน่นอน แนะนำนักลงทุนใช้จังหวะที่ราคาหน่วยลงทุนปรับลดลง ทยอยสะสมกองทุน PRINCIPAL iPROP ให้อยู่ในระดับ 10-30% ของพอร์ตการลงทุนหลัก