Special Report: US Election 2020 When Biden Won (Thai version only)

  สรุปนโยบาย/ ประโยชน์ และผลกระทบ
การเยียวยาและฟื้นฟู

สาระสำคัญของนโยบาย: Biden จะใช้นโยบายทางการคลังประมาณ 2 ล้าน ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19
 

ประโยชน์ และผลกระทบ: การดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลมากขึ้นประกอบ กับอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ จะส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าห์สหรัฐฯมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งมีโอกาสที่กระแสเงินทุนไหลออกนอกประเทศสหรัฐฯ

ภาษี

สาระสำคัญของนโยบาย: ปรับขึ้นภาษีนิติบุคคลจากกอัตรา 21% เป็น 28% เพิ่มภาษีรายได้ต่างประเทศของธุรกิจอเมริกัน (เช่นกลุ่ม Multinational Businesses, Giant Tech) รวมถึงปรับเพิ่มภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา (กลุ่มฐานรายได้สูง)

ประโยชน์ และผลกระทบ:  ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนดำเนินธุรกิจที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม IT และ Communication Service อย่างไรก็ตามการขึ้นภาษีนิติบุคคลอาจจะไม่สามารถทำได้ทันทีเนื่องจากเสียงส่วนข้างมากในวุฒิสภายังมีโอกาสสูงที่จะอยู่กับฝั่ง Republican

การค้า

สาระสำคัญของนโยบาย: Biden มีแนวโน้มที่จะเจรจา และดำเนินนโยบายแบบพหุภาคี(Multilateral) ซึ่งแตกต่างจาก Trump ที่พยายามที่จะดำเนินนโยบายแบบทวิภาคี (Bilateral) ถึงแม้ว่า Biden ยังคงมองประเทศจีนเป็นคู่แข่งสำคัญเหมือน Trump แต่อย่างไรก็ตามทางด้านความสัมพันธ์การค้ากับประเทศจีน Biden มีแนวโน้มที่จะเจรจาแบบประณีประนอมมากขึ้น

ประโยชน์ และผลกระทบ: ความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐ และประเทศคู่ค้าอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศจีน มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายมากขึ้น

การสนับสนุน   พลังงานสะอาด และโครงสร้างพื้นฐาน 

สาระสำคัญของนโยบาย: Biden มีแนวโน้มจะสนับสนุนพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการกลับเข้าร่วม “Paris Climate Agreement”

ประโยชน์ และผลกระทบ: นโยบายสนับสนุนพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อมสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง

นโยบายด้านสาธารณสุขและสุขภาพ

สาระสำคัญของนโยบาย: Biden มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนการเข้าถึงประกันสุขภาพของชนชั้นกลางให้สามารถเข้าถึงง่ายขึ้น และต้องการผลักดันการลดอายุขั้นต่ำของผู้เอาประกันจาก 65 ปีเป็น 60 ปี

ประโยชน์ และผลกระทบ: นโยบายดังกล่าวมีโอกาสที่จะสร้างผลกระทบกับธุรกิจในกลุ่มบริษัทยาที่เน้นการผลิตยารูปแบบพื้นฐาน และยารักษาโรคที่ไม่เน้นนวัตกรรมขั้นสูง

Source: Principal Global Insights, Principal Asset Management

 

ตัวอย่างกองทุนที่เกี่ยวข้อง
PRINCIPAL APDI 

APDI เน้นลงทุนหุ้นเอเชียในวงกว้าง ด้วยการบริหารแบบ Active Management เน้นการจัดสรรค์สัดส่วนการลงทุนแบบ Dynamic เพื่อให้เหมาะกับสภาวะตลาดในแต่ละขณะ

คำแนะนำการลงทุน: แนะนำทยอยสะสมการลงทุนในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน

PRINCIPAL CHEQ 

เน้นลงทุนในกองทุนหุ้นจีน/ETFs ด้วยการบริหารแบบ Active Management ปัจจุบันเน้นการลงทุนในธีมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจจีนที่ได้รับประโยชน์จากโครงสร้างยุคใหม่ (China New Economy) เน้นการบริโภคภายในประเทศซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีเป็นหลัก ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากประเด็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ

คำแนะนำการลงทุน: แนะนำถือลงทุนหุ้นจีนเพื่อเป็นเครื่องกระจายความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว

PRINCIPAL KEQ 

เน้นลงทุนหุ้นจดทะเบียนในประเทศเกาหลีใต้ โดยลงทุนในหน่วยลงทุนของ iShare MSCI South Korea ETF 

คำแนะนำการลงทุน: แนะนำทยอยสะสมการลงทุนในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน

PRINCIPAL CII 

เน้นลงทุนหุ้นจดทะเบียนในที่จัดตั้งหรือมีธุรกิจหลักในประเทศจีน อินเดีย และอินโดนีเซียด้วยการบริหารแบบ Active Management 

คำแนะนำการลงทุน: แนะนำทยอยสะสมการลงทุนในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน

อ่าน Special Report: US Election 2020 When Biden Won