Market Commentary (Thai version only)

จุดเริ่มต้นของการประท้วงในฮ่องกง

มีเหตุจากหนุ่มน้อยชาวฮ่องกงวัย 19 ปี ฆาตรกรรมแฟนสาวของตนเอง ในตอนที่ทั้งคู่ไปท่องเที่ยวไต้หวันช่วงวาเลนไทน์ แล้วทะเลาะกันเมื่อพบว่า ฝ่ายหญิงตั้งท้องกับแฟนเก่า ฝ่ายชายถูกจับได้เมื่อเดินทางกลับฮ่องกง แต่ทางการฮ่องกงไม่สามารถดำเนินคดีได้เพราะเหตุเกิดที่ไต้หวัน และไม่มีกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างฮ่องกงกับไต้หวัน รัฐบาลจึงใช้เคสนี้เป็นเหตุผลในการเสนอร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยแทรกกรณีฮ่องกงกับจีน ไปด้วย คนฮ่องกงจึงออกมาประท้วงตั้งแต่เดือนมีนาคม 2019 เพราะเกรงว่ากฎหมายนี้จะถูกนำไปใช้ในการกำจัดศัตรูทางการเมืองด้วย

การประท้วงยกระดับความรุนแรง

การประท้วงค่อยๆ ขยายวงและเริ่มรุนแรงมากขึ้นนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2019 ฝ่ายผู้ประท้วงเริ่มปิดถนน ขว้างปาสิ่งของใส่ตำรวจ และบุกเข้าสถานที่ราชการ ในขณะที่ฝ่ายตำรวจก็เริ่มใช้กระสุนยาง ใช้แก๊สนํ้าตา และจับกุมผู้ชุมนุม แม้เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2019 นางแครี่ แลม ผู้ว่าการสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ได้ออกมาประกาศระงับการเสนอข้อกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้กับสภานิติบัญญัติของฮ่องกงอย่างไม่มีกำหนด แต่ผู้ประท้วงมองว่าเป็นการ “แทงกั๊ก” เพราะแค่ระงับ แต่ไม่ได้ถอนร่างออกจากสภา การปะทะที่ค่อนข้างรุนแรง ได้แก่ การที่ตำรวจปิด ล้อมผู้ชุมนุมที่สถานีใต้ดิน Sha Tin เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2019 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 22 ราย และ ถูกจับกุม 40 ราย และการที่มีกลุ่มชายชุดขาวรุมทำร้ายผู้ชุมนุมที่สถานีรถไฟ Yuen Long ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2019 มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 45 ราย

กลยุทธ์ผู้ประท้วง

จุดที่น่าสนใจของการชุมนุมประท้วง คือ การไม่มีผู้นำที่ชัดเจน (Decentralized Leadership) แม้จะมีนักการเมืองฝ่ายค้านร่วมด้วย แต่ก็เป็นเพียงผู้ให้การสนับสนุน ไม่ได้ออกหน้าเป็นผู้นำนอกจากนี้ ผู้ชุมนุมยังใช้กลยุทธ์ “ยืดหยุ่น” และ “ระวังตัว” คือ พร้อมปรับแผนตลอดเวลา สวมmask ปิดบังใบหน้า และระมัดระวังการใช้ Social Media

เป้าหมายเปลี่ยนยกระดับการประท้วง

ในระยะหลัง เป้าหมายการชุมนุมเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมที่ต้องการให้ถอนร่างกฎหมาย กลายเป็นการเรียกร้องให้นางแครี่ แลม ลาออก เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุม รวมถึงการแสดงความอึดอัดที่อยู่ภายใต้การปกครองของจีน นอกจากนี้ คนหนุ่มสาวฮ่องกงจำนวนมากไม่พอใจกับสภาพปัจจุบันที่ต้องอยู่ในห้องแคบๆ จะซื้อคอนโดใหม่ก็ไม่ไหวเพราะราคาอสังหาริมทรัพย์แพงเกินเอื้อมซึ่งเหตุผลส่วนหนึ่งก็เกิดจากการกว้านซื้อของคนจีนแผ่นดินใหญ่นั่นเอง ในขณะเดียวกันผู้ชุมนุมก็ปรับเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆ มีทั้งการไปชุมนุมที่สนามบิน ปิดอุโมงค์ข้ามเกาะ (ทำให้การจราจรเป็นอัมพาต) และล่าสุดคือนัดหยุดงาน ทำให้หลายสายการบินต้องยกเลิกเที่ยวบิน

ผลกระทบต่อฮ่องกง

สถานการณ์ชุมนุมเริ่มส่งผลลบต่อเศรษฐกิจฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ส่วนดัชนี Hang Seng ก็ปรับลงกว่า 13% จากจุดสูงสุดของปีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2019 นักวิเคราะห์มองว่า การชุมนุมที่ฮ่องกงอาจจะยืดเยื้อ ตราบใดที่ผู้ชุมนุมยังไม่ได้สิ่งที่ตนเรียกร้อง คนฮ่องกงก็เริ่มเคยชินกับการออกมาชุมนุมในวันหยุดแล้วพอวันจันทร์ก็กลับไปทำงานตามปกติ

ฮ่องกงศูนย์กลางทางการเงินสิ่งที่จีนให้ความสำคัญ

อีกจุดที่น่าสนใจ คือ นักวิเคราะห์มองว่า “ฮ่องกงพึ่งจีน มากกว่า จีนพึ่งฮ่องกง” คือในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจฮ่องกงได้รับประโยชน์จากการเป็นจุดเชื่อมโยงการค้าและบริการระหว่างจีนกับตลาดโลก รวมทั้งเป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัทข้ามชาติที่ต้องการทำธุรกิจในจีนและเอเชียเหนือ แม้ว่าก่อนหน้านี้ ฮ่องกงเคยเป็น “แหล่งทุน” ของจีน การระดมทุนและการซื้อขายหุ้นจีนต้องทำผ่านตลาดฮ่องกง แต่ในระยะหลัง จีนเปิดตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นให้ต่างชาติเข้าไปซื้อขายโดยตรงมากขึ้น บทบาทของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางทางการเงินจึงลดลงไปมาก เชื่อว่าทางการจีนก็รู้ว่าฝ่ายตนถือไพ่เหนือกว่า ดังนั้น การเป็นฝ่ายตรงข้ามกับจีนอาจทำให้ฮ่องกงเสียมากกว่าได้ แม้หลายฝ่ายคาดว่า การชุมนุมจะยืดเยื้อ แต่คิดว่าทางการจีนซึ่งกำลังมีสงครามการค้ากับสหรัฐฯ คงไม่อยากเปิดศึก 2 ด้าน ทางฝั่งคนฮ่องกงก็คงไม่อยากให้เศรษฐกิจของตนต้องล่มสลายไปเพราะการชุมนุมทางการเมือง

แนะนำการลงทุน

เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกับสงครามการค้า เป็นสองปัจจัยหลักและมีนํ้าหนักกับทิศทางตลาดหุ้นโลกมากอยู่แล้ว การชุมนุมที่ฮ่องกงดูจะเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบน้อยกว่า และมีผลกระทบจำกัดวงเฉพาะในตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นหลัก ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนพรินซิเพิล จำกัด (“บลจ.พรินซิเพิล”) มองว่า การที่ตลาดหุ้น Developed Market ให้ผลตอบแทนดีกว่า Emerging Market ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับทิศทาง Earnings Momentum ในกลุ่มประเทศ Emerging Market เริ่ม bottom out คาดว่าตลาดหุ้น Emerging Market-Asia น่าจะกลับมา Outperform ได้ ดังนั้นการปรับฐานของตลาดหุ้นโลกในช่วงนี้ รวมทั้งการปรับตัวลงแรงของตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง อาจจะเป็นโอกาสดีในการทยอยเพิ่มนํ้าหนักการลงทุนในหุ้น Emerging Market-Asia ได้ แนะนำสะสมกองทุนเปิดพรินซิเพิล เอเชีย แปซิฟิก ไดนามิก อินคัม อิควิตี้ (PRINCIPAL APDI) อย่างไรก็ดี แนะนำให้ปรับน้ำหนักการลงทุนด้วยความระมัดระวัง และ ในภาพรวมยังแนะนำให้ Overweight กองทุนตราสารหนี้ (เช่น กองทุนเปิดพรินซิเพิล เดลี่ อินคัม พลัส (PRINCIPAL DPLUS) และ กองทุนเปิดพรินซิเพิล คอร์ ฟิกซ์ อินคัม (PRINCIPAL iFIXED) และ Underweight หุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนควรศึกษาผลการดำเนินงานของกองทุน ได้ที่ https://www.principal.th/th/mutual-fundth

 

Disclaimer:

กองทุนเปิดพรินซิเพิล เอเชีย แปซิฟิก ไดนามิก อินคัม อิควิตี้ (PRINCIPAL APDI) กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศฮ่องกง ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย/ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน/กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศกองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือ ได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนตํ่ากว่าทุนเริ่มแรกได้ / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่ข้อมูลเป็นการทั่วไป โดยไม่มุ่งหมายให้ถือเป็นคำเสนอหรือการเชิญชวนให้บุคคลใดทำการซื้อ และ/หรือขายผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนประเภทต่าง ๆ ตามที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ และไม่ถือเป็นการให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนของบริษัทต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในเอกสารนี้แต่อย่างใด / แม้บริษัทจัดการจะได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรเพื่อให้ข้อมูลดังกล่าวมีความถูกต้อง และตรงกับวัตถุประสงค์ของการจัดทำเอกสารนี้ บริษัทจัดการและพนักงานของบริษัทจัดการไม่มีความรับผิดและจะไม่รับผิดสำหรับความผิดพลาดของข้อมูลใด ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม รวมทั้งจะไม่รับผิดสำหรับการกระทำใด ๆ ที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความเห็นหรือข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในเอกสารฉบับนี้ บริษัทจัดการไม่ได้ให้คำรับรองหรือรับประกันไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยปริยายเกี่ยวกับความถูกต้อง แม่นยำ น่าเชื่อถือ ทันต่อเหตุการณ์หรือ ความสมบูรณ์ของข้อมูลดังกล่าวในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น / บริษัทจัดการขอปฏิเสธความรับผิดทั้งปวงที่เกิดหรืออาจเกิดขึ้นในทุกกรณี ทั้งนี้ความเห็นบทวิเคราะห์หรือการคาดคะเนต่าง ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์หรือผลการดำเนินงานในอนาคตที่ปรากฏในเอกสารนี้ ไม่ถือเป็นเครื่องยืนยัน และอาจแตกต่างจากเหตุการณ์หรือผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริงได้ / สำหรับนักลงทุนที่ต้องการทราบข้อมูลหรือ
รายละเอียดเพิ่มเติมหรือรับหนังสือชี้ชวน สามารถติดต่อบริษัจัดการหรือผู้ดำเนินการขายที่ท่านให้บริการ

 

อ่าน Market Commentary ย้อนหลัง

เกิดอะไรที่ Hong Kong โดย วิน พรหมแพทย์, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน