ทยอยสะสมกองทุนหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน/REITs หลังตลาดเพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.

Image

 

  • ตลาดเพิ่มความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. ขึ้นเป็น 87% และคาดว่าจะลดต่อเนื่องในปีหน้าอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% (Source: CME FedWatch as of 2 December 2025) จากที่ตลาดแรงงานยังคงชะลอตัวลง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของเฟด อย่างไรก็ตามคณะกรรมการเริ่มมีมุมมองไปในทางผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น

  • นอกจากนี้ ตลาดเริ่มคาดการณ์ว่าประธานเฟดท่านใหม่ที่จะได้รับการแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งแทนเจอโรม พาวเวลล์ ที่จะหมดวาระในเดือน พ.ค. ปี 2026 คือ Kevin Hassett ที่มีแนวโน้มจะมีแนวคิดสนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ มีแนวโน้มถูกปรับลดลงต่อเนื่อง

  • บลจ.พรินซิเพิล จึงแนะนำลงทุนในกองทุนหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ผ่าน PRINCIPAL GIFUH และกองทุน REITs ที่เน้นลงทุนในเอเชียผ่าน PRINCIPAL iPROPEN เนื่องจากหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่ม REITs มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง หรืออยู่ในระดับต่ำ เพราะว่าต้นทุนทางการเงินต่ำลง อีกทั้งหุ้นกลุ่มนี้มีรายได้มั่นคง สม่ำเสมอ และมีความผันผวนต่ำในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ซึ่งจะช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีความมั่นคงขึ้น

  • PRINCIPAL GIFUH: ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Lazard Global Listed Infrastructure Equity Fund ที่เน้นลงทุนในหุ้นโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลกประเภท Preferred Infrastructure กระจายลงทุนครอบคลุมทั้งในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย โดยเน้นลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีรายได้มั่นคง มีประสิทธิภาพในการทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ และมีอายุสินทรัพย์ยาวนาน เช่น โรงไฟฟ้า สนามบิน ส่งผลให้เมื่อตลาดปรับฐานกองทุนจะมี Drawdown ที่ต่ำกว่าหุ้นโลก โดยกองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนได้แข็งแกร่ง โดยตั้งแต่ต้นปีปรับตัวขึ้น 23.8% ขณะที่ดัชนีชี้วัด (MSCI World Core Infrastructure) ให้ผลตอบแทนเพียง 11.8% (Source: Lazard as of 31 October 2025)

  • PRINCIPAL iPROPEN: เน้นลงทุนใน REITs  คุณภาพสูงที่จดทะเบียนในตลาดสำคัญทั่วเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และไทย โดยมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลคาดการณ์ที่ 4–6% และได้รับแรงหนุนจากธีมโครงสร้างระยะยาว เช่น การขยายตัวของเมือง การเติบโตของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ความต้องการศูนย์ข้อมูล (Data Centre) ซึ่งมีกระแสเงินสดค่าเช่าที่มั่นคง และอัตราการครอบครองพื้นที่ (Occupancy rate) ที่แข็งแกร่ง โดยกองทุนให้ผลตอบแทน 9.70% ตั้งแต่ต้นปี และ 1 ปีย้อนหลังที่ 5.96% (Source: Principal as of 31 October 2025)

  • ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ยังคงอยู่ อาทิเช่น มูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างตึงตัวโดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี และความไม่แน่นอนด้านนโยบายของสหรัฐฯ เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงไปในหลากหลายสินทรัพย์ และลงทุนในบริษัทคุณภาพดีมีกระแสรายได้ที่มั่นคงเป็นหลัก เช่น 2 กองทุนดังกล่าว โดยนักลงทุนสามารถอ้างอิงน้ำหนักแต่ละกองทุนแนะนำได้ตามตารางด้านล่าง

    Image
    Image
    Image

    คำเตือน: Principal Asset Allocation Plan เป็นบริการการแนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนแบบการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ต่าง ๆ (Asset Allocation) ตามระดับความเสี่ยงในการลงทุนของผู้ลงทุน โดยเป็นการพิจารณาและประเมินภาวะการลงทุน เพื่อการสร้างและปรับพอร์ตอย่างสมดุล และอาจจะพิจารณาและนำเสนอการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนหรือปรับพอร์ตลงทุนเป็นรายเดือน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพอร์ตการลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและสอดรับกับภาวะการลงทุน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เปลี่ยนไปตามภาวะตลาดส่งผลให้สัดส่วนของแต่ละสินทรัพย์ที่ลงทุนมีการปรับเปลี่ยนไปจากสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม อาจทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูงหรือต่ำไปกว่าที่ควรจะเป็น เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนเข้าสู่สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม Principal Asset Allocation Plan เป็นเพียงคำแนะนำของ บริษัทจัดการ ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามคาดหวัง ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจการจัดสรรการลงทุน (Basic Asset Allocation) ตามคำแนะนำของสำนักงาน ก.ล.ต.
    พอร์ตการลงทุนดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการสัดส่วนการลงทุน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อลงทุนจริง ขึ้นอยู่กับสภาพตลาด การลงทุนและโอกาสการลงทุนในแต่ละขณะ ทั้งนี้ ประมาณการสัดส่วนการลงทุน ไม่ใช่การรับประกันหรือยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต/ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
    คำอธิบายประกอบ Clients’ Portfolio Model 5 พอร์ตลงทุนแนะนำ
    • สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “ปานกลางค่อนข้างสูง” แนะนำพอร์ตการลงทุน “Income” 
    • สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “สูง” ท่านสามารถลงทุนในพอร์ตการลงทุน “Income” และ “Balance”
    • สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “สูงมาก” ท่านสามารถลงทุนในพอร์ตการลงทุน “Income”, “Balance”, “Growth”, “Active Growth” และ “Global Growth”
    • ทั้งนี้หากท่านผู้ลงทุนมีความประสงค์จะลงทุนในพอร์ตลงทุนที่มีระดับความเสี่ยงสูงกว่าระดับความเสี่ยงการลงทุนของท่าน ท่านจะต้อง “ยืนยัน” รับทราบความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนที่ท่านได้เลือกลงทุน

    ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / PRINCIPAL GCREDIT, PRINCIPAL USEQ กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL GLEADER และ PRINCIPAL GIFUH กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในอเมริกาเหนือ และยุโรปผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL MYRFIUH กองทุนหลักลงทุนลงทุนกระจุกตัวในประเทศมาเลเซีย ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL iPROPEN ลงทุนกระจุกตัวในประเทศแถบเอเชีย ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL VNEQ ลงทุนกระจุกตัวในประเทศเวียดนาม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL DEF นี้มีการกระจุกตัวของการถือหน่วยการลงทุนจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดที่ถือหน่วยการลงทุนเกิน 1 ใน 3 เป็นสัดส่วนร้อยละ 75.60 (ณ วันที่ 31 ต.ค. 2568) โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลผ่านเว็บไซด์ของบริษัทจัดการ (www.principal.th) / PRINCIPAL DPLUS มีการลงทุนในต่างประเทศบางส่วนซึ่งจะไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ จึงอาจทำให้กองทุนมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทและสกุลเงินต่างประเทศอื่น ๆ ดังนั้น บริษัทจัดการจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุน ณ ต่างประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว / PRINCIPAL MYRFIUH และ PRINCIPAL GIFUH จะไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (unhedged) ดังนั้นกองทุนจึงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / PRINCIPAL iPROPEN เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และ/หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REITs) และ/หรือกองทุนรวม โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งกองทุนดังกล่าวมีความเสี่ยงในลักษณะเดียวกับการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หรือโครงสร้างพื้นฐานโดยตรง เช่น ความเสี่ยงจากความผันแปรของค่าเช่าและอัตราการเช่า การเพิ่มขึ้นของภาษีทรัพย์สิน การเปลี่ยนแปลงของกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ ค่าเสื่อมราคาของอาคารเมื่อเวลาผ่านไป และการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น รวมถึงความเสี่ยงจากการกระจุกตัวอาจทำให้มี ความผันผวนมากกว่าการลงทุนทีกระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้ /ผู้ลงทุนควรศึกษาผลการดำเนินงานของหน่วยลงทุนแต่ละชนิดของกองทุนใน https://www.principal.th/th/mutual-fundth ก่อนตัดสินใจลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต