เงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อย ส่งผล Fed มีแนวโน้มลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า แนะนำการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน
• เงินเฟ้อพื้นฐานสหรัฐฯ (Core CPI) ปรับตัวขึ้นที่ 0.3% MoM ซึ่งสูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อยที่ 0.2% MoM โดยมีปัจจัยหลักคือการปรับเพิ่มขึ้นของค่าที่อยู่อาศัย และค่าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม หรือตั๋วเครื่องบิน โดยตัวเลขเงินเฟ้อที่ประกาศส่งผลให้นักลงทุนลดความน่าจะเป็นที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 0.50% เหลือเพียงแค่ 13% และเพิ่มความน่าจะเป็นที่ Fed จะลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 87% ซึ่งหมายความว่าค่อนข้างแน่นอนที่ Fed จะลดดอกเบี้ยแค่ 0.25% ในการประชุมครั้งหน้า
• อย่างไรก็ตามตลาดโดยรวมยังคาดการณ์ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยเป็นจำนวน 1% ภายในสิ้นปี (อ้างอิง FedWatch Tool ของ CME Group as of 12 September 2024) ซึ่งตีความได้ว่าหาก Fed ลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งหน้า Fed อาจจะต้องลดดอกเบี้ย 0.50% ในหนึ่งของการประชุม 2 ครั้งที่เหลือช่วงสิ้นปีในเดือน พ.ย. และธ.ค. ซึ่งทางเรามองว่ายังมีความไม่แน่นอนสูง
• นอกจากนั้นการหาเสียงระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ และคามาล่า แฮร์ริส เกี่ยวกับนโยบายด้านต่าง ๆ ก็สามารถสร้างความผันผวนให้ตลาดได้เช่นกัน ดังนั้นบลจ.พรินซิเพิลจึงแนะนำการพอร์ตการลงทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี มีการลงทุนในประเทศต่าง ๆ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความแข็งแกร่ง รายได้ของบริษัทมีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจโลกที่ต่ำ เช่น อินเดีย ผ่านกองทุน PRINCIPAL INDIAEQ-A หรือหุ้นกลุ่มการแพทย์ ผ่านกองทุน PRINCIPAL GHEALTH-A โดยสามารถอ้างอิงน้ำหนักในแต่ละกองทุนแนะนำตามพอร์ตการลงทุนด้านล่าง
• PRINCIPAL INDIAEQ-A: มีกองทุนหลักคือ Ashoka WhiteOak India Opportunities Fund เน้นลงทุนในบริษัทคุณภาพสูง มีธรรมาภิบาลสูง มีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกต่อการเติบโต นอกจากนี้กองทุนหลักสามารถสร้างผลตอบแทนชนะดัชนีเทียบเคียงได้ในระยะยาว โดยมีผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี 162.4% ขณะที่ Benchmark (MSCI India IMI) มีผลตอบแทนที่ 121.9% (Source: Bloomberg as of 31 July 2024) และมีทีมผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์สูงกว่า 32 คน ซึ่งมากเพียงพอที่จะวิเคราะห์หลักทรัพย์ทั้งหมดในตลาดหุ้นอินเดีย และคัดเลือกหุ้นคุณภาพดีเข้าพอร์ตได้
• PRINCIPAL GHEALTH-A: ลงทุนในกองทุน AB International Health Care Portfolio มีนโยบายการลงทุนแบบเลือกหุ้นรายตัวที่เน้นลงทุนบริษัทที่มีคุณภาพสูง ความสามารถในการทำรายได้และกำไรที่ชัดเจน และเติบโตอย่างในระยะยาว และกองทุน Schroder International Selection Fund Healthcare Innovation เน้นลงทุนในหุ้นที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับการเติบโตในระยะกลางถึงยาว โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพปรับน้ำหนักในแต่ละกองทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน
คำเตือน: Principal Asset Allocation Plan เป็นบริการการแนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนแบบการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ต่าง ๆ (Asset Allocation) ตามระดับความเสี่ยงในการลงทุนของผู้ลงทุน โดยเป็นการพิจารณาและประเมินภาวะการลงทุน เพื่อการสร้างและปรับพอร์ตอย่างสมดุล และอาจจะพิจารณาและนำเสนอการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนหรือปรับพอร์ตลงทุนเป็นรายเดือน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพอร์ตการลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและสอดรับกับภาวะการลงทุน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เปลี่ยนไปตามภาวะตลาดส่งผลให้สัดส่วนของแต่ละสินทรัพย์ที่ลงทุนมีการปรับเปลี่ยนไปจากสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม อาจทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูงหรือต่ำไปกว่าที่ควรจะเป็น เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนเข้าสู่สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม Principal Asset Allocation Plan เป็นเพียงคำแนะนำของ บริษัทจัดการ ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามคาดหวัง ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจการจัดสรรการลงทุน (Basic Asset Allocation) ตามคำแนะนำของสำนักงาน ก.ล.ต.
พอร์ตการลงทุนดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการสัดส่วนการลงทุน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อลงทุนจริง ขึ้นอยู่กับสภาพตลาด การลงทุนและโอกาสการลงทุนในแต่ละขณะ ทั้งนี้ ประมาณการสัดส่วนการลงทุน ไม่ใช่การรับประกันหรือยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต/ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
คำอธิบายประกอบ Clients’ Portfolio Model 5 พอร์ตลงทุนแนะนำ
• สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “ปานกลางค่อนข้างสูง” แนะนำพอร์ตการลงทุน “Income”
• สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “สูง” ท่านสามารถลงทุนในพอร์ตการลงทุน “Income” และ “Balance”
• สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “สูงมาก” ท่านสามารถลงทุนในพอร์ตการลงทุน “Income”, “Balance”, “Growth”, “Active Growth” และ “Global Growth”
• ทั้งนี้หากท่านผู้ลงทุนมีความประสงค์จะลงทุนในพอร์ตลงทุนที่มีระดับความเสี่ยงสูงกว่าระดับความเสี่ยงการลงทุนของท่าน ท่านจะต้อง “ยืนยัน” รับทราบความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนที่ท่านได้เลือกลงทุน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / PRINCIPAL GREITs กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector Fund) ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจํานวนมาก / PRINCIPAL GREITs, PRINCIPAL GQE, PRINCIPAL GESG, PRINCIPAL GCREDIT และ PRINCIPAL GHEALTH กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL GIF กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในยุโรป อังกฤษ และอเมริกาเหนือ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL GESG มิได้อยู่ภายใต้ข้อกำหนดว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน การบริหารจัดการและการจัดทำรายงานของกองทุนรวมเช่นเดียวกับ SRI Fund / PRINCIPAL VNEQ ลงทุนกระจุกตัวในประเทศเวียดนาม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL KEQ กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศเกาหลี ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL INDIAEQ กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศอินเดีย ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL GHEALTH ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจํานวนมาก / PRINCIPAL DPLUS มีการลงทุนในต่างประเทศบางส่วนซึ่งจะไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ จึงอาจทำให้กองทุนมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทและสกุลเงินต่างประเทศอื่น ๆ ดังนั้น บริษัทจัดการจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุน ณ ต่างประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว / ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี และจะต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษี / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้ / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต