ตลาดหุ้นเวียดนามช่วงกลางเดือนเม.ย.ตกแรงจากความกังวลระยะสั้นแต่พื้นฐานยังแข็งแกร่ง สร้างโอกาสให้นักลงทุนเข้าซื้อเพิ่มจากราคาที่ถูกลง
- ตลาดหุ้นเวียดนาม VN Index ปรับลงแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมาดัชนีปรับลดถึง 60 จุด หรือ4.7% จากวันทำการก่อนหน้าและปิดที่ระดับ 1,216.61 ซึ่งเป็นการปรับลดภายในวันที่แรงที่สุดในรอบสองปีจากแรงขายของนักลงทุนรายย่อยในประเทศเวียดนามที่มีความกังวลเรื่องสถานการณ์ทั้งภายในและนอกประเทศ
- ในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลเวียดนามได้เร่งปราบปรามการทุจริต (Corruption) ในทุกภาคส่วน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนและเป็นการส่งเสริมรากฐานของเศรษฐกิจและสังคมในเวียดนามให้แข็งแกร่งมากขึ้น ล่าสุดวันที่ 11 เม.ย. ศาลเวียดนามมีคำสั่งประหารชีวิตเจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์เมืองโฮจิมินห์บริษัท Van Thinh Phat Group (VTP) “เจือง มาย หลั่น" (Truong My Lan) จากข้อหาฉ้อโกงและทุจริตที่มูลค่าเสียหายกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยข้อหาสำคัญเกิดจากการยักยอกทรัพย์จากธนาคารไซ่ง่อน คอมเมอร์เชียล แบงก์ (SCB) และทำให้ธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ต้องปล่อยกู้พิเศษจำนวนมากถึง 2.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับ SCB เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้กับธนาคาร นอกจากนี้แล้วยังมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลมีการสอบสวนข้าราชการระดับสูงหลายรายจากการคอร์รัปชั่นในช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน จากการปราบปรามคอร์รัปชั่นขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรมหลักอย่างการเงินและอสังหาริมทรัพย์ และการผันผวนทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนบางส่วนเกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศและทำการเทขายหุ้นออกเพื่อทำกำไร
- นอกจากปัจจัยภายในประเทศแล้ว ตลาดหุ้นเวียดนามยังได้รับผลกระทบทางลบจากการที่ค่าเงินดองอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณว่าอาจคงอัตราดอกเบี้ยระดับสูงนานขึ้น (Higher for Longer) หลังตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศล่าสุดหลายตัวออกมาร้อนแรง และอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2% ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นโดยเฉพาะสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่และตลาดชายขอบ ทำให้นักลงทุนมีการขายสินทรัพย์ในตลาดหุ้นเหล่านี้มากขึ้น
- อย่างไรก็ตามการจับกุมด้านการทุจริตนั้นส่งผลดีต่อโครงการการเมืองและเศรษฐกิจของเวียดนามในระยะยาว เวียดนามยังคงเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่ง และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งใหม่ของโลก โดยเฉพาะด้านชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ โดยล่าสุด ทิม คุก (Tim Cook) ประธานกรรมการบริหารของบริษัท แอปเปิ้ล (Apple) ได้เยือนเวียดนามเพื่อหารือเรื่องการกระจาย Supply Chain ออกจากจีนมาที่เวียดนามมากขึ้น
- บลจ.พรินซิเพิลแนะนำให้ลงทุนในกองทุน PRINCIPAL VNEQ อย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสะสมเพิ่มได้ในช่วงที่ตลาดที่การปรับตัวลง เนื่องจากมีมุมมองระยะกลางและยาวที่ดี ปัจจุบันกองทุน PRINCIPAL VNEQ ไม่มีการลงทุนในหุ้น VTP และ SCB กองทุนสร้างผลตอบแทนที่ดีจากความสามารถในการเลือกหุ้นรายตัวที่เติบโตสูงในระยะยาวและมีธรรมาภิบาลในการดำเนินงานเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยลงทุนในหลักทรัพย์ประเทศเวียดนามประมาณ 20 – 30 รายชื่อเท่านั้น ในเดือนมี.ค. ผู้จัดการกองทุนเน้นลงทุนในกลุ่มการเงินทั้งธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์ (มีสัดส่วนประมาณ 40% ของ NAV) กลุ่มวัสดุก่อสร้างและเคมีภัณฑ์ และเริ่มสะสมหุ้นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับการอยู่อาศัยจริงที่มีงบการการเงินแข็งแกร่ง เช่น Khang Dien House (KDH) หลังภาพรวมภาคอสังหาฯ ดีขึ้น
คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศเวียดนนาม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินทุนเริ่มแรกได้ / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต