เฟดลดดอกเบี้ยตามคาด แต่โอกาสลดเดือน ธ.ค. ยังไม่ชัดเจน แนะนำ Principal Multi-Asset Funds พร้อมรับความไม่แน่นอน

Image

 

  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติ 10 ต่อ 2 เสียง ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75 - 4.00% ในคืนที่ผ่านมาตามที่ตลาดคาด โดยมีกรรมการ 2 ท่านที่โหวตสวนมติการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ สตีเฟน มิแรน ซึ่งโหวตให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% และเจฟฟรีย์ ชมิด ที่โหวตให้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม

  • โดยเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ได้กล่าวหลังการประชุมว่าเฟดยังคงห่างไกลจากความแน่นอนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในการประชุมเดือน ธ.ค. เนื่องจากความกังวลด้านเงินเฟ้อที่ยังสูงกว่าระดับเป้าหมาย รวมถึงตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลงและมีความเสี่ยงด้านลบเพิ่มขึ้น ทำให้คณะกรรมการต้องประเมินข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เข้ามาก่อนการตัดสินใจ ทำให้ตลาดคาดว่ามีโอกาส 70% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. (Source: CME FedWatch as of 30 October 2025) ส่งผลให้ Bond yield ปรับตัวเพิ่มขึ้น กดดันภาพการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในคืนที่ผ่านมา 

  • พาวเวลล์ยังระบุเพิ่มเติมถึงการหยุดการลดขนาดงบดุล (QT) ที่จะมีผลตั้งแต่ 1 ธ.ค. เพื่อหยุดดึงสภาพคล่องออกจากระบบ เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดเริ่มตึงตัว และระดับเงินสำรองของธนาคารกลางใกล้ถึงจุดที่ถือว่าเพียงพอแล้ว ถือเป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม

  • อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยราว 1 ใน 3 ของบริษัทในดัชนี S&P500 ที่ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว พบว่า 87% มีกำไรสูงกว่าตลาดคาดการณ์ (Source: FactSet as of 24 October 2025) เช่น บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Alphabet และ Microsoft ที่รายงานทั้งรายได้และกำไรออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด 

  • แม้ว่าผลประกอบการสหรัฐฯ มีทิศทางที่แข็งแกร่ง แต่ยังคงมีความกดดันทางเศรษฐกิจทั้งทิศทางเงินเฟ้อที่ยังไม่แน่นอน และตลาดแรงงานที่อ่อนแอ อีกทั้งมูลค่าตลาดในปัจจุบันซื้อขายกันในระดับที่ค่อนข้างสูง ดัชนี S&P 500 มี Forward P/E ราว +1.5SD เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ดังนั้นตลาดหุ้นสหรัฐอาจจะเผชิญแรงขายทำกำไร มีความผันผวนสูงขึ้น และปรับฐานได้ในระยะสั้น

  • บลจ.พรินซิเพิล แนะนำลงทุน Principal Multi-Asset Funds ที่มีการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก และมีการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับทุกภาวะตลาด เตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนต่างๆ อีกทั้งมีผลตอบแทนย้อนหลังโดดเด่นอยู่ใน Quartile 1 และ 2 เมื่อเทียบกับกองทุนประเภทเดียวกัน (Peers) และสามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ตามที่คาดหวังในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา  

  •  

  • Principal Multi-Asset Funds ประกอบด้วย 3 กองทุนคือ PRINCIPAL MAINCOME, PRINCIPAL MABALANCED และ PRINCIPAL MAGLOBAL โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และผลตอบแทนที่คาดหวังโดยเฉลี่ยต่อปี 

    Image

     

    Image

     

    Image

     

Image

 

Image

 

Image

 

ผลตอบแทนคาดหวังโดยเฉลี่ยต่อปีเป็นประมาณการณ์โดยฝ่ายบริหารการลงทุนด้วยข้อมูลตามจริงในอดีตย้อนหลัง (ตั้งแต่ปี 2019 ถึง ปี 2023) เมื่อลงทุนโดยตลอดทั้งวัฎจักรของการลงทุน ทั้งนี้พอร์ตประมาณการลงทุนดังกล่าวไม่ใช่การรับประกันหรือยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / PRINCIPAL MAGLOBAL ลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนควรศึกษาผลการดำเนินงานของหน่วยลงทุนแต่ละชนิดของกองทุนใน  https://www.principal.th/th/mutual-fundth ก่อนตัดสินใจลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต