ลงทุนอย่างไรให้มั่นใจกับเสี่ยงช่วงตลาดเหวี่ยงหนัก

ในวันที่ตลาดผันผวนหนัก เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน ทำให้บางคนอาจจะกลัวการลงทุนไปเลย โดยเฉพาะมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น และอาจจะไม่คุ้นชินกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ๆ หลายคนจึงมักเลือกเก็บเงินสดไว้กับตัว หรือฝากไว้กับธนาคารเฉย ๆ เพราะมั่นใจว่าเป็นแหล่งที่ปลอดภัย 
แต่ด้วยเวลานี้ “อัตราดอกเบี้ยนโยบาย” ของไทยต่ำเพียง 0.25%* เท่านั้น ซึ่งอยู่ในจุดที่ต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับจากการฝากธนาคารนั้น ก็คงต่ำเกินไปที่จะเอาชนะเงินเฟ้อได้ ดังนั้น ไม่ว่าตลาดจะเหวี่ยงหนักแค่ไหน การลงทุนก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ และไม่ควรหยุดลงทุน ซึ่งการไม่ลงทุนคือสิ่งที่เสี่ยงที่สุด เพราะจะทำให้มูลค่าเงินในมือเราหายไปเรื่อย ๆ 


แล้วจะลงทุนอะไรดี ? ถ้ารับความเสี่ยงได้น้อย ซึ่งในช่วงเวลาแบบนี้ การนำเงินวางไว้ที่ "กองทุนรวม" นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพดูแแลตลอดเวลา และช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น
วันนี้ เราเลยมีคู่มือง่าย ๆ ในการเลือกกองทุนแบบเซฟ ๆ ให้เหมาะสมกับแต่ละเป้าหมาย มาฝาก  


1. พักเงินระยะสั้น รอจังหวะตลาดฟื้น
หากเวลานี้รู้สึกว่ายังไม่มั่นใจจะนำเงินไปเก็บไว้กับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ๆ และต้องการพักไว้ในแหล่งที่ปลอดภัยขึ้น แต่ก็ยังต้องการ "โอกาสรับผลตอบแทนที่เหมาะสม" และ "สภาพคล่องสูง"
กองทุนรวมตลาดเงิน และกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ เนื่องจากเน้นลงทุนในกลุ่มเงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ที่สำคัญกองทุนกลุ่มนี้มีสภาพคล่องสูง ได้รับเงินสดโดยใช้เวลาเพียง 1 วันทำการเท่านั้น (T+1)  
เหมาะที่จะเป็นแหล่งพักเงินระยะสั้น เพื่อรอตลาดฟื้น แล้วหาจังหวะที่เหมาะสม เพื่อกลับมาลงทุนสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นอีกครั้ง 
- แนะนำกองทุนรวมตลาดเงิน จาก PRINCIPAL คลิก
- แนะนำกองทุนรวมตราสารหนี้ จาก PRINCIPAL คลิก 

2. หาโอกาสเติบโตแบบมั่นคง
สำหรับใครที่ยังต้องการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในตลาดหุ้นอยู่ แต่ต้องการจำกัดความเสี่ยงในระดับที่ยอมรับได้ ทางเลือกที่เราสามารถทำได้ ก็คือ เลือกลงทุนในกลุ่มกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) 
เนื่องจาก "กองทุนรวมหุ้น" ที่ลงทุนในดัชนี เช่น SET50, SET100 หรือ หุ้นกลุ่ม ESG โดยทั่วไปแล้วจะใช้กลยุทธ์บริหารแบบเชิงรับ (Passive) พยายามสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงตลาดมากที่สุด จึงเหมาะกับการสร้างผลตอบแทนระยะยาว เนื่องจากธรรมชาติของตลาดหุ้นแล้ว ยิ่งลงทุนยาวเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็จะยิ่งต่ำลงตามไปด้วยนั่นเอง
- แนะนำกองทุนรวมหุ้น จาก PRINCIPAL คลิก  
นอกจากนี้ ยังมีอีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากให้เงินเติบโตแบบมั่นคง ได้แก่ “กองทุนรวมเพื่อการออม SSF” เนื่องจากถูกออกแบบมาเพื่อการออมระยะยาว 10 ปีขึ้นไป ที่สำคัญยังได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี ทำให้เราได้เงินออมกลับมาอีกทางหนึ่งด้วย
- แนะนำกองทุนรวม SSF จาก PRINCIPAL คลิก 

3. วางแผนระยะยาวเพื่อเกษียณอายุ
การลงทุนระยะยาวเพื่อแผนเกษียณอายุ เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในสภาวะใดก็ตาม เพราะเรื่องเกษียณอายุ เป็นทั้งการวางแผนการเงินและวางแผนชีวิต โดยใช้ระยะเวลามาช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนแบบทบต้นไปเรื่อย ๆ 
แน่นอนว่า "กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ" หรือ RMF คือ ตัวเลือกที่ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดีที่สุด เนื่องจากมีข้อดีที่ได้แน่ ๆ จากการลดหย่อนภาษี และเป็นรูปแบบการลงทุนที่มีไว้เพื่อเกษียณอายุโดยเฉพาะ  
RMF ยังมีนโยบายให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงสูง เราจึงสามารถวางแผนให้ตอบโจทย์ และเหมาะสมกับความต้องการของตัวเองได้ เช่น หากช่วงนี้ไม่ชอบความเสี่ยงสูง ก็อาจเลือก RMF ที่ลงทุนในตลาดเงิน ตั๋วเงินคลัง หรือ พันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น
- แนะนำกองทุน RMF จากบลจ. PRINCIPAL คลิก 

สรุปแล้วจะเห็นว่าหากเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ เราก็สามารถจำกัดความเสี่ยงเรื่องการลงทุนได้ เพราะฉะนั้น เราไม่ควรกลัวกับความผันผวนระยะสั้นมากเกินไป จนพลาดโอกาสทำกำไรในระยะยาว

*ที่มา : https://www.bot.or.th/Thai/PressandSpeeches/Press/2020/Pages/n1663.aspx…;
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน/ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลของกองทุนรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง  และผลการดำเนินงาน ของกองทุนรวมที่เปิดเผยไว้ในแหล่งต่าง ๆ หรือให้ขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ก่อนการตัดสินใจลงทุน/ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต