คว้าโอกาสการลงทุน จากแนวโน้มการกลับทิศนโยบายการเงินของ Fed และรับกระแสจีนเปิดประเทศ ด้วยกองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (PRINCIPAL iPROP)

AW-Content-iPROP_1314x668

ในขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกมีความไม่แน่นอนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นของทางสหรัฐฯ อัตราเงินเฟ้อในประเทศส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ในระดับสูง หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เราอาจจะต้องเจอในอนาคต ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกโดยรวมมีแนวโน้มผันผวนตลอดในปีนี้

อย่างไรก็ตาม มีสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง นั่นก็คือกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ REITs ลงทุนในไทยและสิงคโปร์ ซึ่ง บลจ.พรินซีเพิลมองว่ามีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลัง Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึงระดับสูงสุดและการเปิดประเทศของจีนส่งผลเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อการลงทุนในกอง REITs ไทยและสิงคโปร์เช่นเดียวกัน

กองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (PRINCIPAL iPROP)

  • ลงทุนเชิงรุกในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และโครงสร้างพื้นฐานในไทยและสิงคโปร์เป็นหลัก
  • ปรับรายได้ตามเงินเฟ้อ สินทรัพย์ประเภท REITs และ Infrastructure มีความสามารถในการปรับค่าเช่าตามเงินเฟ้อได้
  • บริหารโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญการลงทุนใน REITs โดยเฉพาะ

เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากแนวโน้มการกลับทิศนโยบายการเงินของ Fed และการเปิดประเทศครั้งยิ่งใหญ่ของจีน ด้วยกองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม หรือ PRINCIPAL iPROP ได้แล้ววันนี้

ดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ กองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (PRINCIPAL iPROP)

ดาวน์โหลดแอป Principal TH คลิก 

ติดต่อได้ที่เว็บไซต์ https://www.principal.th/ หรือโทร 02-686-9500

 

p2

แนวโน้มการกลับทิศนโยบายการเงินของ Fed

หลัง Fed ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตลอดตั้งแต่ปีที่แล้ว จนถึงครึ่งปีแรกของปีนี้ นักลงทุนในตลาดเริ่มมองว่า Fed จะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีนี้ และมีโอกาสปรับดอกเบี้ยลดลงในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ หากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

บลจ.พรินซีเพิลมองว่า สินทรัพย์การลงทุนประเภทกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือ REITs ที่ลงทุนในไทยและสิงคโปร์ มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลัง Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึงระดับสูงสุด เนื่องจากสินทรัพย์ประเภทนี้จะมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ดอกเบี้ยมีความเสถียรภาพ หรือดอกเบี้ยขาลง

 

p3

การเปิดประเทศของจีนแบบเต็มรูปแบบเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อการลงทุนในกอง REITs ไทยและสิงคโปร์เช่นเดียวกัน

ธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นส่วนสำคัญของภาคท่องเที่ยวไทยในปีนี้ รวมถึง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวในไทยในปีนี้มากถึง 7 -8 ล้านคน เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีที่แล้ว

โดย REITs กลุ่มหลัก ๆ ที่จะได้อานิสงค์จากนักท่องเที่ยวจีนนั้น เช่น

  • กลุ่ม retail หรือห้างสรรพสินค้า โดยส่วนลดค่าเช่าที่เคยลดให้กับผู้เช่าในช่วงเกิดโรคระบาดโควิด ปัจจุบันส่วนลดนั้นน้อยลงมาก ๆ จนทำให้ค่าเช่าปรับขึ้นมาเกือบอยู่ในระดับปกติ เช่น กองทุน REITs โลตัสส์ รีเทล โกรท ที่ตอนนี้ให้ส่วนลดค่าเช่าอยู่แค่ประมาณ 5 – 10% หรือ กองทุน REITs ฟิวเจอร์พาร์คที่ให้ส่วนลดที่ราว 5% เช่นเดียวกัน ซึ่งจากการที่นักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มมาประเทศไทยมากขึ้น มีโอกาสทำให้ค่าเช่ากลับมาสู่ระดับปกติในปีนี้ (Source: กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และประมาณการโดย ธปท as of 29 Mar 23)
  • REITs กลุ่ม Hostel และกลุ่ม Exhibition ก็เป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวจีนเช่นเดียวกัน เช่น กองทุน REITs โรงแรมดุสิตธานี ที่ลงทุนในโรงแรม ดุสิต ที่ ภูเก็ต เชียงใหม่ หัวหิน และมัลดีฟ ซึ่งในปี 2565 มีอัตราเข้าพัก (Occupancy rate) แค่ประมาณ 60 -70 % เท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงว่ารายได้ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกสูงจากนักท่องเที่ยวจีน หรือ กองทุน REITs อิมแพ็คโกรทที่ยังมีอัตราการเช่า (Occupancy rate) ที่ประมาน 36% ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตได้สูง เนื่องจากยังห่างจากระดับปกติก่อนการเกิดโรคระบาดโควิดที่ 50 - 60% (Source: Bloomberg as of 7 February 2023)


ในขณะที่รายได้ของ REITs ไทยยังเหลือ upside อีกราว 30% ก่อนที่จะถึงระดับเดียวกับช่วงก่อนการเกิด Covid-19 แสดงให้เห็นว่ารายได้ REITs ไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกสูง และโดยธรรมชาติ REITs ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่สามารถปรับขึ้นค่าเช่นตามเงินเฟ้อได้ จึงสามารถลดผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงได้

p4

ตัวอย่างหลักทรัพย์ที่กองทุนหลักลงทุน

• ​​CapitaLand Ascendas REIT ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทธุรกิจเช่าพื้นที่สำนักงานและอุตสาหกรรม ซึ่งเป็น REIT รายแรกและรายใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ โดยมีสินทรัพย์หรืออาคารถึง 228 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ที่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย อังกฤษ และสหรัฐ และมีมูลค่ารวมถึง สองแสนเก้าหมื่นล้านบาท และมี Occupancy rate หรือ อัตราการเช่า สูงถึง 94.5%

• ​​กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่า โลตัสส์ รีเทล โกรท ที่ลงทุนในศูนย์การค้า Lotus 23 แห่ง ทั่วทั้งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพครอบคลุมทั้งใจกลางเมือง และแหล่งท่องเที่ยว อีกทั้งมี Occupancy rate หรือ อัตราการเช่า สูงถึง 95% โดยเฉลี่ย

หลักทรัพย์ 5 อันดับแรก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566)

  1. CapitaLand Mall Trust : CICT SP 9.13%
  2. CapLAnd Ascendas REIT : CLAR SP 9.07%
  3. กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์รีเทล โกรท : LPF 6.47%
  4. ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท : WHART 5.87%
  5. ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอ : FTREIT 5.81%

p5

กองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (PRINCIPAL iPROP)

  • ลงทุนเชิงรุกในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และโครงสร้างพื้นฐานในไทยและสิงคโปร์เป็นหลัก
  • ปรับรายได้ตามเงินเฟ้อ สินทรัพย์ประเภท REITs และ Infrastructure มีความสามารถในการปรับค่าเช่าตามเงินเฟ้อได้
  • มีสัดส่วนในไทยและสิงคโปร์อย่างละประมาณ 50% เน้นเลือกบริษัทที่มีระดับหนี้สินต่ำและมี Balance Sheet ที่แข็งแกร่งสามารถรองรับการเกิด Recession ภายใต้กลยุทธ์ Barbell Strategy คือ Overweight กลุ่ม Defensive เช่น กลุ่มอุตสาหกรรม (Industrials) และกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศ เช่น กลุ่ม Retail เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน
  • บริหารโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญการลงทุนใน REITs โดยเฉพาะ


เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากแนวโน้มการกลับทิศนโยบายการเงินของ Fed และการเปิดประเทศครั้งยิ่งใหญ่ของจีน ด้วยกองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม หรือ PRINCIPAL iPROP ได้แล้ววันนี้

สำหรับนักลงทุนที่สนใจ ติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามรายละเอียดกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือผู้สนับสนุนการขายฯ หรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02 686 9595 www.principal.th ท่านสามารถเปิดบัญชีและทำรายการผ่าน Principal TH Mobile App ดาวน์โหลดแอป Principal TH คลิก 

ดูข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ กองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (PRINCIPAL iPROP)

ติดต่อได้ที่เว็บไซต์ https://www.principal.th/ หรือโทร 02-686-9500


ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน/ กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector Fund) ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้ / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต