ทำไมเวียดนามยังเติบโตได้ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19

ทำไมเวียดนามยังเติบโตได้ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19

"ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีที่มีความท้าทายมากจากวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว และปรับตัวลงมาอยู่ในระดับติดลบ แต่รู้กันหรือไม่ว่า หนึ่งในไม่กี่ประเทศที่เศรษฐกิจสามารถปรับตัวสูงขึ้นในปี 2020 ได้ นั่นก็คือ เวียดนาม ที่ GDP ทั้งปีเติบโตได้ถึง 2.91% และคาดการณ์ว่าในปี 2021 น่าจะเติบโตได้มากกว่า 7-8% เลยทีเดียว"

(Source: Source: CS, As of March 2021)

ทำไมต้องเวียดนาม?

เหตุผลแรกที่ทำให้เวียดนามเติบโตได้ แม้จะเกิดการระบาดของโควิด-19 ก็เพราะเวียดนามมี "การบริโภคภายในประเทศ" ที่แข็งแกร่ง จากประชากรที่มีเกือบ 100 ล้านคน และที่สำคัญประชากรส่วนใหญ่ยังอยู่ในวัยทำงาน พร้อมบริโภคและจ่ายภาษี ทำให้การปิดประเทศกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ ที่พึ่งพาภาคการท่องเที่ยวหรือการส่งออกนั่นเอง

โดยในส่วนของค่าแรงของเวียดนาม อยู่ที่ประมาณ 27-28 บาทต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศบริเวณใกล้เคียง ทำให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติโดยตรง (Foreign Direct Investment) เข้ามาตั้งฐานการผลิต พร้อมทั้งในช่วงที่ผ่านมาเวียดนามได้ทำข้อตกลงทางการค้าจำนวนมาก ทำให้เวียดนามเป็นที่หมายปองของนักลงทุนต่างชาติ จะเห็นได้ว่ามีการย้ายฐานการผลิตจากประเทศอื่น เข้ามาที่เวียดนามเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Intel, Apple และ LG เป็นต้น

นอกจากนี้ เวียดนามยังมีอัตราการเกิดในระดับที่สูง  รวมถึงความเจริญต่าง ๆ ยังมีการกระจุกตัวในหัวเมืองหลัก ๆ เท่านั้น ทำให้มองว่าเวียดนามยังมีการเติบโตในระยะยาวที่น่าสนใจมาก

กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ (PRINCIPAL VNEQ)

บลจ. พรินซิเพิล ขอนำเสนอ "กองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ (PRINCIPAL VNEQ)" ซึ่งเป็นกองทุนไทยที่มีการลงทุนเวียดนามโดยตรงเป็นกองทุนแรก มีนโยบายในการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เวียดนามและมีศักยภาพการเติบโตที่ดีในอนาคต รวมถึงอาจจะลงทุนในกองทุนรวมอื่น ๆ ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวม ETF ที่เน้นลงทุนในหุ้นประเทศเวียดนามไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน

PRINCIPAL VNEQ มีทีมนักวิเคราะห์ที่เป็นคนท้องถิ่น ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องของการค้นหาข้อมูลและพร้อมทำการวิจัยแบบฐานราก (Ground Research) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เหมาะกับการตัดสินใจลงทุนมากที่สุด

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ PRINCIPAL VNEQ แตกต่างจากกองทุนเวียดนามอื่น ๆ ก็คือ การเลือก VN30TR Index (VN30) มาเป็น "มาตรฐานการดำเนินงาน (Benchmark)" แทน MSCI Vietnam ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่มีความท้าทายอย่างมาก เพราะถ้าลองมองย้อน VN30 เทียบกับ MSCI Vietnam จะเห็นได้ว่า VN30 มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่ามาโดยตลอด

เหตุผลที่ VN30 เป็นมาตรชี้วัดที่น่าสนใจมากกว่า คือ การกระจุกตัวของหุ้นในดัชนี VN30 ประกอบด้วยหุ้น 30 ตัว แต่ MSCI Vietnam ประกอบด้วยหุ้นเพียง 17 ตัวเท่านั้น ทำให้หุ้น 5 ตัวแรกของ MSCI Vietnam มีน้ำหนักมากถึง 70% แต่สำหรับ VN30 มีน้ำหนักเพียง 41.2% เท่านั้น ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการกระจุกตัวของหุ้นได้ (Source: Bloomberg, MSCI Vietnam, as of 31 Dec 2020)

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ VN30 มีความน่าสนใจมากกว่าก็คือ VN30 มีสัดส่วนในการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินมากกว่า MSCI Vietnam อยู่มากกว่า 28.14% ซึ่งหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินถือว่าเป็นกลุ่มหุ้นที่สามารถสะท้อน ภาพรวมของเศรษฐกิจได้ดีอย่างมากตัวหนึ่ง (Source: CGS-CIMB, Dec 2020)

เหตุผลที่ MSCI Vietnam มีการคำนวณหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงินน้อย ก็เพราะว่า MSCI Vietnam มีการคัดหุ้นที่ติดข้อจำกัดเรื่อง Foreign Ownership Limit Issue (FOL) ซึ่งหุ้นธนาคารและการเงินส่วนใหญ่มักจะติด FOL ทำให้ไม่สามารถเข้าลงทุนได้

ถ้าหากมีเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุน ก็จะไม่สามารถลงทุนหุ้นเหล่านี้ได้ แต่หากต้องการเข้าลงทุนต้องติดต่อเข้าซื้อแบบ Over-The-Counter (OTC) ซึ่งอาจจะทำให้เข้าซื้อในราคาที่แพงมากกว่าราคาในกระดาน (Premium) ทำให้ MSCI Vietnam ได้รับความนิยมมากกว่า และหากนักลงทุนต่างชาติต้องการลงทุนในหุ้นที่ติด FOL แล้วจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์กับโบรกเกอร์ท้องถิ่นเพื่อหาโอกาสในการลงทุนให้นั่นเอง

ตัวอย่างหุ้นที่ PRINCIPAL VNEQ ลงทุน

ตัวอย่างหุ้นที่น่าสนใจที่ PRINCIPAL VNEQ เลือกลงทุน อาทิเช่น Techcombank หุ้นกลุ่มธนาคารที่ถือว่าเป็น Private Banking ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนาม มี ROE อยู่ในระดับ 20% ต่อปี (Source: techcombank.com. As of 29 Jan 2021) รวมถึงแนวโน้มการเติบโตด้านสินเชื่อต่าง ๆ ยังสามารถเติบโตได้อีกมากจากระดับหนี้สินต่อ GDP ที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ

FPT Corporation ผู้นำด้านไอทีที่มีบริการแบบ Outsourcing และบริการเทเลคอม มีการเติบโตในปี 2020 มากกว่า 13% และจากการคาดการณ์ของปริมาณสัญญาที่ถูกเซ็นต์แล้ว น่าจะช่วยทำให้ในปี 2021 มีการเติบโตได้มากกว่า 20% เลยทีเดียว (Source: fpt.com.vn/en, As of 29 Jan 20201)

เวียดนามมีความสามารถในการเติบโตได้ในระยะยาว แต่ด้วยตลาดเวียดนามยังถือว่าเป็นตลาดที่ยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก จากข้อจำกัดเรื่อง FOL ทำให้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องที่สูง การซื้อขายหุ้นจำนวนมากผ่านกระดานซื้อขาย ทำให้เกิดความผันผวนของราคาได้ ดังนั้น ตลาดหุ้นเวียดนามจึงเหมาะกับการลงทุนในระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรในระยะสั้น ๆ

สำหรับนักลงทุนท่านใดที่สนใจลงทุนกับ "กองทุนพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ Class-A - (PRINCIPAL VNEQ-A)" ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นเพียงแค่ 1,000 บาทเท่านั้น ใครที่สนใจสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02 686 9595 หรือ www.principal.th 

Facebook: https://www.facebook.com/principalthailand 
LINE: https://lin.ee/C6KFF6E หรือ @principalthailand
YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCqELMp69UteyKgtWo4JuBqg


คำเตือน  
•    ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณสินค้า (กองทุนรวม) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
•    กองทุน PRINCIPAL VNEQ ลงทุนกระจุกตัวในประเทศเวียดนาม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
•    กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินทุนเริ่มแรกได้/ บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
•    ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
•    ผู้ลงทุนควรศึกษาผลการดำเนินงานของหน่วยลงทุนแต่ละชนิดของกองทุนใน https://www.principal.th/th/mutual-fundth ก่อนตัดสินใจลงทุน