ภาพรวมการลงทุนประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2566

ภาพรวมการลงทุนในเดือนมกราคม 2566

ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นสดใสรับเดือนแรกของปี 2566 นำโดยตลาดหุ้นจีนเนื่องจากการเปิดประเทศที่มากขึ้นและมีนโยบายที่กระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งทำให้ตลาดคาดหวังต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่จะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต ขณะที่ตลาดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว หลักๆตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับปัจจัยบวกจากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแบบชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน ยุโรปได้อานิสงส์จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลงไปสู่ระดับในช่วงปลายปี 2564 (หลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยจากการต่อรอง) รวมทั้งดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจ (Manufacturing/Service PMI) ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนทางด้าน REITs และทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับลดลงเทียบกับช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตอบรับคาดการณ์/สัญญาณจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบไม่เร่งตัว

Cio's view   ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ดัชนี S&P500 ปรับเพิ่มขึ้น +6.2% ในเดือน ม.ค. 2566 ตลาดฟื้นตัวได้อย่างมีนัย เนื่องจากความกดดันด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มน้อยลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้ตลาดมีความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐจะสามารถสิ้นสุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ได้เร็ว ๆ นี้ โดยเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐในเดือน ธ.ค. 2565 เพิ่มขึ้นที่ 6.5% ชะลอตัวลงจากเดือน พ.ย. 2565 ที่ 7.1% เนื่องจากการปรับลดลงของราคาพลังงาน ประกันสุขภาพ และค่าโดยสารสายการบิน ในขณะที่ตลาดแรงงานสหรัฐแสดงสัญญาณความแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยในเดือน ธ.ค. 2565 อัตราการว่างงานปรับลดลงที่ 3.5% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี อย่างไรก็ตามค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงในเดือน ธ.ค. 2565 เติบโตลดลงที่ 4.6% ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 5% ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อการผ่อนคลายความกดดันด้านเงินเฟ้อ อีกทั้ง GDP ไตรมาส 4 ปี 2565 ของสหรัฐฯ เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.9% ต่อปี (Q/Q SAAR) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 2.6% แต่ปรับตัวลดลงจากไตรมาสที่ 3 ที่ 3.2% ซึ่งอัตราการเติบโตของ GDP สหรัฐฯที่สูงกว่าคาดการณ์นี้ ส่งผลให้ตลาดเริ่มคลายกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง (hard landing) แต่ให้ความเป็นไปได้สำหรับภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตชะลอลงแต่ไม่ถึงกับถดถอย (soft landing)

Cio's view   ตลาดหุ้นยุโรป: ดัชนี STOXX Europe 600 ปรับขึ้น +6.7% ในเดือน ม.ค. 2566 จากอากาศที่อุ่นกว่าปกติในช่วงฤดูหนาวช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดวิกฤตพลังงานซึ่งอาจนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงในยุโรป โดย ณ สิ้นเดือน ม.ค. 2566 ยุโรปยังมีก๊าซธรรมชาติสำรองในคลังถึงประมาณ 80% ของความจุที่สามารถเก็บได้ทั้งหมด ซึ่งมากกว่าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ประมาณ 40% ขณะที่ระดับราคาของตลาดก๊าซธรรมชาติอ้างอิง Dutch TTF Natural Gas Futures Front Month Contract มีการปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2566 ปรับตัวลงมาที่ระดับ 57 ยูโร จากที่เคยปรับขึ้นไปสูงถึง 346 ยูโร เมื่อเดือน ส.ค. 2565 นอกจากนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อยูโรโซน (Eurozone composite PMI) ปรับตัวขึ้นที่ระดับ 50.2 จุด เข้าสู่เขตการขยายตัว และมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 49.8 จุด ทำให้ตลาดเริ่มมองความเสี่ยงของการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของยูโรโซนลดลง อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนในเดือน ธ.ค. 2565 อยู่ที่ 9.2% ปรับลดลงเป็นเดือน 2 ติดต่อกัน แต่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง

Cio's view   ตลาดหุ้นจีน: ดัชนี Hang Seng China Enterprises (HSCEI Index) และดัชนี CSI 300 ปรับตัวขึ้น +10.74% และ +7.37% ตามลำดับ ในเดือน ม.ค. 2566 แน่นอนว่าตลาดหรือนักลงทุนตอบรับปัจจัยบวกการเปิดประเทศมากขึ้นของประเทศจีน รวมถึงนโยบายที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่เป็นปัญหาในปีที่แล้ว โดยเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นจีนอย่างมีนัยในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ทางด้านตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น GDP ไตรมาส 4 ปี 2565 ออกมาเติบโต 2.9%YoY ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยส่งผลทั้งปีที่แล้วเติบโต 3%YoY ขณะที่ในเดือน ม.ค. 2566 ดัชนีภาคการผลิต อ้างอิง Caixin manufacturing PMI ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 49.2 เทียบกับ 49 ในเดือน ธ.ค. 2565 โดยต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย ด้านการท่องเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดตรุษจีน ทางภาครัฐรายงานว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัวกลับมาเป็นระดับ 90% ของช่วงเดียวกันก่อนเกิดเหตุการณ์ COVID-19 ในปี 2562 นอกจากนั้น รัฐบาลจีนมีการผ่อนคลายมากขึ้น ต่อกฎระเบียบควบคุมบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี เห็นได้จากการอนุมัติเกมใหม่ในปี 2565 ซึ่งอนุมัติไปทั้งหมด 512 เกม และต่อเนื่องในเดือน ม.ค. 2566 ที่ 88 เกม รวมทั้งมีการอนุมัติแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนของ Ant Group (ทางการจีนสั่งห้าม IPO เมื่อสองปีที่แล้ว)

Cio's view   ตลาดหุ้นไทย: SET Index ปรับตัวขึ้นเพียง +0.17% ในเดือน ม.ค. 2566 น้อยกว่าตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งคาดว่าเป็นเพราะผลตอบแทนของหุ้นไทยถือว่าทำได้ดีเป็นลำดับต้นๆในปีที่ผ่านมา โดยมีการซื้อขายในกรอบประมาณ 1,670 – 1,690 จุด ในเดือน ม.ค. 2566 โดยนักลงทุนต่างชาติยังมีสถานะซื้อสุทธิต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยบวกน่าจะมาจากการที่จีนเปิดประเทศมากขึ้น โดยอาจคาดหวังนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยมากขึ้นในอนาคต รวมถึงปัจจัยการย่อตัวของ Dollar Index ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market)

Cio's view  ตลาดหุ้นเวียดนาม: VN Index ปรับเพิ่มขึ้น +10.34% ในเดือน ม.ค. 2566 ซึ่งถือว่าเป็นการปรับเพิ่มขึ้นรายเดือนที่สูงที่สุดในรอบสองปี ส่วนหนึ่งได้รับแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งซื้อสุทธิติดต่อกัน และอานิสงส์ Dollar Index ย่อตัวเช่นกัน คาดว่าการที่เฟดส่งสัญญาณไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยบวกต่อนักลงทุนรายย่อยในประเทศ และตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงถึงประมาณ 30% ในปี 2565 อย่างไรก็ดี ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. 2566 ปรับเพิ่มขึ้น 6.08%YoY นำโดยราคาอาหาร ขณะที่ยอดค้าปลีกยังคงแข็งแกร่ง เติบโต 20%YoY ส่วนดัชนีภาคการผลิต (Industrial production -8%YoY) และยอดส่งออก (-21%YoY แต่ยังคงเกินดุลการค้า) ชะลอตัวลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ขณะที่ FDI ที่จดทะเบียนเข้ามาและที่ใช้จ่ายจริงแบบรายเดือนลดลง (-19.8% และ -16.3% ตามลำดับ) ซึ่งทางภาครัฐกล่าวว่าเป็นเพราะวันหยุดยาวทั้งปีใหม่และตรุษจีน

Cio's view   ตราสารหนี้: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2565 ปรับลดลงที่ประมาณ 3.6% จากระดับประมาณ 4% หลังเงินเฟ้อสหรัฐในเดือน ต.ค. 2565 ต่ำกว่าการคาดการณ์และท่าทีของ Fed ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร่งตัวน้อยลง ซึ่งส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ปรับลดลงตามและมาอยู่ที่ระดับประมาณ 2.6% ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (BoT) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในช่วงสิ้นเดือน พ.ย. 2565 เพื่อที่จะพยายามควบคุมเงินเฟ้อ แต่มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง

Cio's view   ตราสารทางเลือก

REITs: ในเดือน ม.ค. 2566 ดัชนี Global REITs ปรับตัวขึ้น +9.33% มากกว่า Singapore REITs และ Thai Property Fund & REITs ที่ปรับเพิ่มขึ้น +6.59% และ +5.41% ตามลำดับ เนื่องจาก Global REITs มีการปรับตัวลงค่อนข้างเยอะในปี 2565 และตอบสนองเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบไม่เร่งตัวในปี 2566 ส่วนทางด้าน Singapore REITs และ Thai Property Fund & REITs ถือว่าปรับตัวลงน้อยกว่าในปี 2565 เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดเมือง (Reopening) อย่างไรก็ดี สำหรับผลตอบแทนของทั้ง Singapore REITs และ Thai Property Fund & REITs ในเดือนนี้ ถือว่าได้รับปัจจัยบวกจากประเด็นเรื่องเฟดเช่นกัน

ทองคำ: ราคาทองคำ Spot ปรับตัวขึ้น +5.72% ในเดือน ม.ค. 2566 ด้วยเหตุผลเดียวกันในการที่เฟดอาจไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างเร่งตัวในปีนี้ ซึ่งทำให้ Dollar Index อ่อนค่าลง (ทองคำและดอลล่าร์สหรัฐมีความสัมพันธ์แปรผกผัน) ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศ ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ ในมุมมองที่ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

Cio's view    มุมมองการลงทุนเดือนกุมภาพันธ์ 2566

ตลาดให้น้ำหนักค่อนข้างมากต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างชะลอตัวลงในฝั่งสหรัฐฯ และการคาดการณ์/สัญญาณจากเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ไม่เร่งตัว มุมมองของเราในระยะสั้นเดือน ก.พ. นี้ คือ ตลาดโดยรวมอาจมีความผันผวนได้ทั้งในแดนบวกและลบ โดยขึ้นอยู่กับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อ หรือ ตัวเลขการจ้างงานและอัตราการว่างงาน ที่อาจชี้วัดทำให้อัตราเงินเฟ้อไม่สามารถปรับลงต่อได้อย่างมีนัยในอนาคต และทำให้เฟดต้องทำการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องนานกว่าที่คาดไว้ นอกจากนั้นงบการเงินที่กำลังทยอยประกาศออกมาโดยเฉพาะทางฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปจะทำให้ตลาดเห็นผลกระทบของแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ชัดขึ้น ซึ่งหากผลกำไรออกมาผิดคาดอาจทำให้ตลาดกลับมากังวลอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ในระยะ 3-6 เดือนข้างหน้า เราคาดว่าทิศทางอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง และตัวเลขเศรษฐกิจอาจไม่ได้อ่อนแอที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า การเปิดประเทศของจีนน่าจะช่วยเศรษฐกิจยุโรปในด้านการส่งออก ระดับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดไม่น่าสร้างความประหลาดใจหรือผิดคาดมากเหมือนปีที่แล้ว ขณะที่เรายังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นจีนและเอเชียมากกว่าฝั่งตลาดกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากอานิสงส์จากการเปิดประเทศมากขึ้นของประเทศจีน ซึ่งนอกจากจะทำให้เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มดีขึ้นแล้ว น่าจะส่งผลบวกต่อห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน

Cio's view   กลยุทธ์การลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนในปี 2566 ยังคงมีความคล้ายเคียงกับปี 2565 โดยเราแนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมต่อความเสี่ยงของนักลงทุน กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ และมุ่งเน้นในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ ส่วนการจับจังหวะการลงทุนแบบระยะสั้นหากมีโอกาสสามารถทำได้

  • มุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็น Quality Growth หรือสินทรัพย์ที่มีการเติบโตในระดับปานกลางแต่มีความมั่น คงของธุรกิจและรายได้เพื่อรองรับความเสี่ยงหรือความ ผันผวนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ
  • เลือกลงทุนในสินทรัพย์ประเภทที่มีความผันผวนต่ำ บริษัทขนาดใหญ่หรือมีขนาดมูลค่าตลาดสูง
  • Asset allocation สร้างพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม โดยกระจายการลงทุนไปในหลากหลายสินทรัพย์และประเทศ เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่ช่วยควบคุมความเสี่ยงและรับผล ตอบแทนที่เหมาะสม

Cio's view   กองทุนแนะนำ

สำหรับกองทุนแนะนำ เรายังยึดตามกองทุนที่เราแนะนำในรายงาน Principal Investment Outlook 2023 and Principal Asset Allocation Recommendation 1Q2023 ที่ออกในปลายเดือน ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า อิควิตี้ (PRINCIPAL CHEQ), กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า เทคโนโลยี (PRINCIPAL CHTECH) และ กองทุนเปิดพรินซิเพิล เอเชีย แปซิฟิก ไดนามิก อินคัม อิควิตี้ (PRINCIPAL APDI) เนื่องจากเศรษฐกิจจีนที่น่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวที่น่าสนใจจากการเปิดประเทศมากขึ้น รวมทั้ง กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม (PRINCIPAL GFIXED) ที่เรามองว่า Yield to Maturity (YTM) หรือ อัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุที่อยู่ในระดับสูง (YTM ที่ 7.39% ณ สิ้นปี 2565) สะท้อนความกังวลด้านการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดและ Recession ไปพอสมควรแล้ว

  • กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า อิควิตี้(PRINCIPAL CHEQ) นโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศจีนหรือบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศจีน ที่มีการเติบโตในระยะยาว และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างเศรษฐกิจของจีน สำหรับในระยะสั้น การกลับมาเปิดประเทศและจับจ่ายใช้สอยของประชากรในเมืองใหญ่ๆ ในจีนจะส่งผลบวกโดยตรงต่อกองทุน โดยหมวดอุตสาหกรรมที่กองทุนลงทุนจะมีน้ำหนักส่วนใหญ่ทั้งในกลุ่ม Financial Services, Communication Services และ Consumer Defensive
  • กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า เทคโนโลยี (PRINCIPAL CHTECH) จะเน้นลงทุนบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี (เป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ชาติ ฉบับที่ 14) ซึ่งกองทุนเห็นโอกาสการเติบโตของการลงทุนล้อตามไปกับนโยบายของจีนที่มุ่งเน้นการพึ่งพาต่างชาติน้อยลง ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีของตัวเอง และตั้งเป้าเป็นผู้นำโลกด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีในอนาคต โดยกองทุนจะแบ่งน้ำหนักการลงทุนในสัดส่วน 70:30 ในธีม Soft Tech (eCommerce, Cloud, Internet):Hard Tech (New-generation information technology Biomedicine, New energy) ขณะที่การกลับมาเปิดประเทศของจีนและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมด้านกฎระเบียบที่ชัดเจนจะเป็นปัจจัยบวก
  • กองทุนเปิดพรินซิเพิล เอเชีย แปซิฟิก ไดนามิก อินคัม อิควิตี้ (PRINCIPAL APDI) จะลงทุนผ่าน Master Fund ชื่อ Principal ลงทุนผ่าน Master Fund ชื่อ Principal Asia Pacific Dynamic Income Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นคุณภาพขนาดใหญ่กระจายตัวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) มุ่งเน้นบริษัทที่มีทิศทางการเติบโตตาม Megatrend ของโลก โดยกองทุนจะมีสัดส่วนน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่และจีนในฮ่องกง รวมกันประมาณ 30% ซึ่งเปิดโอกาสรับผลตอบในระยะสั้นแทนหากนโยบาย Zero Covid มีการผ่อนคลายในอนาคต
  • กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม (PRINCIPAL GFIXED) ลงทุนผ่าน Master Fund ชื่อ PIMCO GIS Income ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่างๆ และมีการกระจายการลงทุนไปในหลายธุรกิจและหลายประเทศทั่วโลก (ส่วนใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมธนาคารและตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยมีนโยบายการลงทุนแบบ Active และมีระยะเวลาครบกําหนดของตราสารที่แตกต่างกัน ลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน ณ สิ้นปี 2565 พอร์ตกองทุน Master Fund มีอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ A+ และ YTM ที่ 7.39% (ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงจุดสูงสุดในช่วงความกังวลโควิด-19) และ Duration ประมาณ 3.63 ปี

 

Investment Strategy Team

คุณอะนะ แพร่พิพัฒน์มงคล – Head of Investment Strategy
คุณธเนศ เลิศเพชรพันธ์ – Investment Strategist
คุณมินตรา จันทวิชชประภา – Investment Strategist

อ่าน Monthly Report ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ที่นี่

 

คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทําความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุน PRINCIPAL CHEQ กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวใน emerging markets ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL CHTECH กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศจีน ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / กองทุน PRINCIPAL APDI กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในฮ่องกง ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / กองทุนมีนโยบายลงทุน ในต่างประเทศ ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนตํ่ากว่าเงินทุนเริ่มแรกได้/บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลย พินิจของผู้จัดการกองทุน / ผลการดําเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดําเนินงานในอนาคต