ภาพรวมการลงทุนประจำเดือน พฤษภาคม 2566

Cio's view

Cio's view

 หมายเหตุ* : เป็นการแสดงการเปลี่ยนแปลงของยีลด์ ไม่ใช่ผลตอบแทน
Source: Bloomberg as of 30 เมษายน 2566

 ภาพรวมการลงทุนในเดือนเมษายน 2566

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปสามารถปรับขึ้นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น PMI ที่ยังแข็งแกร่ง การคาดการณ์ของตลาดที่ Fed จะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย และผลประกอบการไตรมาส 1 / 2566 ของสหรัฐฯ ที่โดยรวมดีกว่าการคาดการณ์ ในขณะที่เงินเฟ้อโดยเฉพาะเงินเฟ้อพื้นฐานยังไม่ได้ปรับลงอย่างมีนัย อย่างไรก็ตามการควบคุมการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น และโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะติดลบในใตรมาส 3 ยังเป็นความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ในส่วนด้านฝั่งเอเชีย ตลาดหุ้นจีนปรับลดลงจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่พื้นฐานหรือตัวเลขเศรษฐกิจจีนยังแข็งแกร่ง เช่น GDP ไตรมาส 1 หรือ ยอดค้าปลีก ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงจากปัจจัยเฉพาะตัวคือหุ้น Delta ที่ปรับตัวลงแรงจากผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ต่ำกว่าคาด Global REITs ปรับขึ้นจากความหวังการลดดอกเบี้ยของ Fed ในช่วงครึ่งปีหลังของตลาด และทองคำยังสามารถปรับขึ้นได้ต่อเป็นเดือนที่ 2 ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

Cio's view   ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ดัชนี S&P500 ปรับเพิ่มขึ้น 1.46 % ในเดือน เม.ย. 2566 จากดัชนี PMI ของสหรัฐฯ และการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 / 2023 ของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง โดยดัชนี PMI ขั้นต้นทั้งภาคผลิต และภาคบริการในเดือน เม.ย. 2566 ประกาศออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ แสดงให้เห็นถึงยังมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจแม้ว่าดอกเบี้ยยืนอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม GDP ของสหรัฐฯ เติบโตแค่ 1.1% ในไตรมาสแรกซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดไว้ที่ 2% จากผลของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ดัชนีการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของเดือน มี.ค 2566 ปรับเพิ่มขึ้น 4.2% สูงกว่าตลาดคาดที่ 4.5% ชี้ให้เห็นถึง Fed อาจจะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี แม้ว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ในส่วนของการประกาศกำไรของบริษัทสหรัฐฯ ณ วันที่ 28 เม.ย. 2566 79% ของบริษัทที่รายงานผลประกอบการแล้วในไตรมาส 1/ 2566 มีกำไรมากกว่าตลาดคาดการณ์ ซึ่งจำนวนนี้มากกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 77% นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มพลังงาน เป็นต้น  อย่างไรก็ตามในตอนสิ้นเดือนเหตุการณ์ของธนาคาร First Republic bank ได้สร้างความกังวลให้กับตลาด โดยรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงว่าเงินฝากของธนาคารถูกถอนไปประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงที่เกิดวิกฤต เหตุการณ์นี้ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทตกลงอย่างรวดเร็วจนกระทั่งถูกควบคุมโดยหน่วยงานรัฐบาล อย่างไรก็ตาม JP Morgan ตัดสินใจเข้าซื้อธนาคาร First Republic เพื่อที่จะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น และ JP Morgan ก็สามารถเข้าถึงลูกค้ารายใหญ่ของธนาคาร First Republic ได้ เพื่อขยายธุรกิจ wealth management ของตนเอง

Cio's view   ตลาดหุ้นยุโรป: ดัชนี STOXX Europe 600 ปรับเพิ่มขึ้น 1.92% ในเดือน เม.ย. 2566 เนื่องจากภาคบริการของยุโรปยังแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจยุโรปยังขยายตัวได้ โดยข้อมูลด้านเศรษฐกิจของยุโรปชี้ให้เห็นว่าภาคบริการยังเติบโตดี ขณะที่ภาคการผลิตยังไม่ฟื้นตัว PMI ภาคบริการของฝั่งยุโรปปรับขึ้น 1.6 เข้าสู่ 56.6 อยู่ในพื้นที่ขยายตัวแข็งแกร่ง และมากกว่าการคาดการณ์ที่ 54.5 ขณะที่ PMI ภาคการผลิตถูกประกาศออกมาที่ 45.5 อยู่ในพื้นที่หดตัว แต่สอดคล้องกับการคาดการณ์ อีกทั้งเศรษฐกิจของยุโรป (GDP) ในไตรมาส1 เติบโตที่ 1.3% YoY ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ 1.4% YoY จากการบริโภคในประเทศที่โดนผลกระทบจากเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้อัตราเงินเฟ้อของยุโรป (CPI) ปรับลดลงที่ 6.9% YoY ในเดือน มี.ค.2566 จาก 8.5% ในเดือน ก.พ. 2566 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.1% สู่ 5.7% YoY ในเดือน มี.ค. 2566 ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ ส่งผลให้ ECB ยังมีแนวโน้มเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเพื่อนำเงินเฟ้อกลับมาสู่ระดับปกติ

Cio's view   ตลาดหุ้นจีน: ดัชนี CSI 300 และ ดัชนี Hang Seng China Enterprises (HSCEI Index) ปรับตัวลง -0.54% และ -3.83% ตามลำดับ ในเดือน เม.ย. 2566 โดยในช่วงครึ่งเดือนแรก ตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นจากการประกาศ GDP ไตรมาส 1/2566 ของจีนที่เพิ่มขึ้น 4.5% เทียบกับปีก่อนหน้า ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 4% และเป็นเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4 ปีที่แล้วที่ 2.9% โดยตัวเลข GDP ที่ดีกว่าคาดสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เห็นได้จากตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก การส่งออกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งเดือนหลังตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงหนัก หลังจากที่มีข่าวว่าสหรัฐฯกำลังเตรียมเสนอแผนจำกัดการลงทุนด้านเทคโนโลยีของจีนในที่ประชุม G7 ทำให้นักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจจะกลับมาอีกครั้ง

Cio's view   ตลาดหุ้นไทย: ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง -4.97% ในเดือน เม.ย. 2566 โดยปัจจัยหลักมาจากหุ้น Delta ที่คิดเป็นประมาณ 5% ของตลาด ปรับตัวลงหนัก -36% หลังผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ออกมาต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ ธุรกิจ Data center เริ่มเห็นการชะลอตัวลง นอกจากนี้ ประเด็นของหุ้น STARK กดดันตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากคณะกรรมการบริษัทลาออกทั้งหมดและมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่เข้ามาแทน ประกอบกับบริษัทเลื่อนการส่งงบการเงินประจำปี 2565 อย่างต่อเนื่องโดยให้เหตุผลว่า ข้อมูลบางส่วนอยู่ระหว่างการตรวจสอบของผู้สอบบัญชี โดยบริษัทมีแผนจะนำส่งงบการเงินประจำปี 2565 ภายในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2566 ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยมีการซื้อขายที่เบาบางลงในช่วงวันหยุดยาวต่อเนื่องของไทยในเดือน เม.ย. 2566 โดยนักลงทุนรอผลการประชุม Fed ที่จะเกิดขึ้นต้นเดือน พ.ค. 2566

Cio's view   ตลาดหุ้นเวียดนาม: ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลง -1.46% ในเดือน เม.ย.2566 โดยปรับตัวลงหนัก ในช่วงต้นเดือน และกลางเดือนเม.ย. 2566 จากการที่นักลงทุนส่วนมากขายทำกำไร เนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวขึ้นแรงในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเวียดนามเริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วงปลายเดือน จากการที่รัฐบาลเห็นชอบในการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ลงเหลือ 8% จาก 10% ที่มีผลบังคับใช้ถึงสิ้นปี 2566 นี้ ทั้งนี้การปรับดังกล่าวรอการอนุมัติจากสมัชชาใหญ่ในเดือน พ.ค. 2566 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารกลางเวียดนามมีแผนที่จะปรับโครงสร้างเงินกู้กับธุรกิจที่ประสบปัญหา รวมทั้งอนุญาตให้สามารถชะลอการชำระคืนเงินกู้ได้สูงสุด 12 เดือน ถือเป็นการพยุงเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว อีกทั้งธนาคารกลางเวียดนามอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์สามารถกลับเข้าไปซื้อหุ้นกู้ที่เคยขายออกไปได้ เพื่อช่วยสภาพคล่องและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดตราสารหนี้

Cio's view   ตราสารหนี้: อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ปรับลดเล็กน้อยจาก 3.5% ในปลายเดือน มี.ค. 2566 มาอยู่ที่ประมาณ 3.4% ปลายเดือน เม.ย. 2566 เนื่องจากนักลงทุนในตลาดรอผลการประชุม Fed ในต้นเดือน พ.ค. 2566 หลังเงินเฟ้อทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมถึงมีความกังวลเกี่ยวกับการควบคุมสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นซึ่งอาจจะนำไปสู่เศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ได้ในไตรมาส 3 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 2.5% หลังเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในเดือน เม.ย. 2566 ปรับเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 2.67% YoY ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 16 เดือน จากผลของราคาพลังงาน และราคาอาหารที่ลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปรับขึ้น 1.66% YoY ต่ำกว่าคาดที่ 1.70% YoY แม้ว่าเงินเฟ้อไทยได้ปรับลดลงมาสู่ระดับเป้าหมายของธนาคารกลางที่ 1 - 3% แต่การบริโภคภายในประเทศที่ถูกสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะหนุนเงินเฟ้อสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ผลที่ตามมาคือธนาคารแห่งประเทศไทย (BoT) อาจยังจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินตึงตัว โดยการขึ้นดอกเบี้ยต่อในการประชุมครั้งหน้า

Cio's view   ตราสารทางเลือก

REITs: Global REITs, Singapore REITs ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.53% และ 0.60% ตามลำดับ จากการที่ Fed มีแนวโน้มใกล้จะจบวัฏจักรการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ Bond yield ไม่น่าจะกลับไปปรับตัวพุ่งขึ้นแรงเหมือนปีก่อน โดย Singapore REITs มีแนวโน้มได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศของจีน อย่างไรก็ตาม Thai REITs ปรับตัวลง -2.08% ตามตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงถึง 5% จากแรงเทขายในหุ้น Delta จากการที่ผลประกอบการออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ทั้งนี้หากพิจารณาในราย กลุ่มอุตสาหกรรม (Sector) พบว่า กลุ่มที่ราคาปรับขึ้นกลุ่มเดียวคือ Exhibition Center โดยราคา IMPACT ปรับเพิ่มขึ้น 2.3% จากแนวโน้มการจัดงาน event และ คอนเสิร์ตที่มากขึ้น จากการเปิดประเทศแบบเต็มรูปแบบ

ทองคำ: ราคาทองคำ Spot ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.05% ในเดือน เม.ย. 2566 เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลปัญหาสภาพคล่องในกลุ่มธนาคารทั้ง สหรัฐและ ยุโรป ทำให้ทองคำอาจจะมีการพักฐานในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวราคาทองคำน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการอ่อนค่าของเงินสหรัฐซึ่งเป็นผลของ Fed มีแนวโน้มหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ประกอบกับ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศ ยิ่งเป็นแรงหนุนราคาทองคำในอนาคตซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

Cio's view    มุมมองและกลยุทธ์การลงทุน 3-6 เดือนข้างหน้า

  • สองธนาคารใหญ่ของโลกยังคงเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ Fed เริ่มส่งสัญญาณที่แตกต่างจาก ECB โดยในช่วงต้นเดือนพ.ค. 2566 Fed ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 5.0 – 5.25% พร้อมกล่าวเป็นนัยว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้อาจจะเป็นการขึ้นครั้งสุดท้ายของ Fed หลังปรับขึ้น 10 ครั้งติดต่อกันตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม Fed จะให้ความสำคัญต่อข้อมูลทางเศรษฐกิจประกอบการตัดสินใจครั้งถัดไป ในส่วนของยุโรป ECB ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% เช่นกัน ซึ่งเป็นการขึ้นในระดับที่น้อยลงจากการประชุมครั้งที่แล้วที่ 0.50% พร้อมส่งสัญญาณเห็นโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัด ๆ ไป เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง
  • แม้ว่าผลประกอบการของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในไตรมาส 1 ยังแข็งแกร่ง แต่มองไปข้างหน้าตลาดมีแนวโน้มผันผวนจากเงินเฟ้อที่ยังไม่กลับลงมาสู่ระดับปกติ แนวโน้มการให้สินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น ภาคการธนาคารภูมิภาคในสหรัฐฯ ที่มีความผันผวนต่อเนื่อง และการเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอยของทางสหรัฐฯ ดังนั้น บลจ.พรินซิเพิล ให้นํ้าหนัก Slightly Underweight สําหรับหุ้นต่างประเทศ อย่างไรก็ตามเรายังชอบการลงทุนในตลาดหุ้นจีนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาแข็งแกร่ง เช่น GDP ยอดค้าปลีก หรือ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผลจากการเปิดประเทศตั้งแต่ต้นปี และแนะนำการลงทุนในยุโรปจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเช่น PMI ภาคบริการ
  • เราคงน้ำหนักตราสารหนี้ Slightly Overweight โดยชอบการลงทุนในตราสารหนี้โลกเป็นหลัก เนื่องจากยีลด์ (YTM) ที่อยู่ในระดับน่าสนใจ ประกอบกับแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งปีหลังเป็นปัจจัยสนับสนุนที่จะทำให้ตราสารหนี้โลกปรับตัวดีขึ้น ล่าสุดกองทุน PIMCO GIS Income Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลักของ PRINCIPAL GFIXED มีระดับของยีลด์ (YTM) ที่น่าสนใจมากกว่าหุ้นสหรัฐ (ดัชนี S&P 500) ที่มีอัตราเงินปันผลเฉลี่ยเพียง 1.5 – 1.7% เท่านั้น
  • บลจ. พรินซิเพิลยังคงแนะนำการลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็น Quality Growth (สินทรัพย์ที่มีการเติบโตในระดับปานกลางแต่มีความมั่นคงของธุรกิจและรายได้) เนื่องจากในช่วงที่เหลือของปียังมีความเสี่ยงที่ตลาดจะผันผวนตามที่กล่าวไปข้างต้น และแนะนำนักลงทุนควรให้ความสำคัญกับ Asset allocation เพื่อสร้างพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม โดยกระจายการลงทุนไปในหลายสินทรัพย์และหลายประเทศ ตามความเสี่ยงที่รับได้ของนักลงทุน

Cio's view   กองทุนแนะนำ

  • กองทุนเปิดพรินซิเพิล ไชน่า อิควิตี้ (PRINCIPAL CHEQ) มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศจีนหรือบริษัทที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศจีน ที่มีการเติบโตในระยะยาว และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างเศรษฐกิจของจีน สำหรับในระยะสั้นการกลับมาเปิดประเทศและจับจ่ายใช้สอยของประชากรในเมืองใหญ่ๆ ในจีนจะส่งผลบวกโดยตรงต่อกองทุน โดยหมวดอุตสาหกรรมที่กองทุนลงทุนจะมีน้ำหนักส่วนใหญ่ทั้งในกลุ่ม Consumer Discretionary, Industrials และ Communication Services
  • กองทุนเปิดพรินซิเพิล เอเชีย แปซิฟิก ไดนามิก อินคัม อิควิตี้ (PRINCIPAL APDI) ลงทุนผ่าน Master Fund ชื่อ Principal Asia Pacific Dynamic Income Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นคุณภาพขนาดใหญ่กระจายตัวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) มุ่งเน้นบริษัทที่มีทิศทางการเติบโตตาม Megatrend ของโลก โดยกองทุนจะมีสัดส่วนน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่และจีนในฮ่องกง รวมกันประมาณ 40% ที่เหลือกระจายลงทุนในเอเชีย เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และ ออสเตรเลีย
  • กองทุนเปิดพรินซิเพิล ยูโรเปี้ยน อิควิตี้ (PRINCIPAL EUEQ) มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้ง หรือดําเนินกิจการหลักในยุโรป (รวมถึงยุโรปตะวันออก) ที่มีโอกาสเติบโตสูงผ่านกองทุน Principal Global Investors Funds – European Responsible Equity Fund ในระยะสั้นตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศออกมาแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจะช่วยส่งผลบวกให้กับกองทุน โดยกองทุน Overweight อุตสาหกรรม Consumer Discretionary, Financials และ Health Care ซึ่งสอดคล้องเศรษฐกิจ และการจับจ่ายใช้สอยในยุโรปที่กำลังดูดีขึ้น
  • กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม (PRINCIPAL GFIXED) ลงทุนผ่าน Master Fund ชื่อ PIMCO GIS Income ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ประเภทต่างๆ และมีการกระจายการลงทุนไปในหลายธุรกิจและหลายประเทศทั่วโลก (ส่วนใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมธนาคารและตราสารหนี้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยมีนโยบายการลงทุนแบบ Active และมีระยะเวลาครบกําหนดของตราสารที่แตกต่างกัน ลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชน ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2566 พอร์ตกองทุนมีอันดับความน่าเชื่อถือเฉลี่ย (average credit rating) อยู่ที่ระดับ A+ และ YTM ที่ 6.39% และ Duration อยู่ที่ประมาณ 3.08 ปี

ผู้จัดทำ 
คุณศุภกร ตุลยธัญ, CFA – Chief Investment officer
คุณธเนศ เลิศเพชรพันธ์ – Investment Strategist
คุณมินตรา จันทวิชชประภา – Investment Strategist

อ่าน Report ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 ที่นี่

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / PRINCIPAL CHEQ กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวใน emerging markets  ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL APDI กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในฮ่องกง ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL EUEQ ลงทุนกระจุกตัวในประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน /  ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต