Fund Update: กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล เฮลธ์ อินโนเวชั่น (PRINCIPAL GHEALTH)
โดย คุณวิริยา โภไคศวรรย์– International Fund Manager
คุณธเนศ เลิศเพชรพันธ์ – Investment Strategist
25 July 2023
ภาพรวมอุตสาหกรรม Health Care
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นในเดือน มิ.ย. โดยดัชนี MSCI ACWI ให้ผลตอบแทน 5.64% และดัชนี MSCI World Health Care ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.10% และเช่นเดียวกับผลดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่ดัชนี MSCI ACWI ให้ผลตอบแทนถึง 15.28% และดัชนี MSCI World Health Care ให้ผลตอบแทนเพียง 1.53% เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นในปีนี้นำโดยหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Tesla, Nvidia, Advanced Micro Devices, Apple, Meta Platforms และหุ้นอื่นๆเกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี Artificial Intelligent (AI) ซึ่งไม่ได้เป็นการปรับตัวขึ้นแบบวงกว้าง ส่งผลให้กลุ่ม healthcare เป็นหนึ่งในกลุ่ม laggard อย่างไรก็ตามผลดำเนินงานของกลุ่ม healthcare ที่เริ่มมีการปรับประมาณการลดลงตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 เนื่องจากผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ที่เบาบางลง ได้เริ่มถูกปรับขึ้นมาอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 หลังจากที่งบไตรมาสที่ 1/2566 เริ่มส่งสัญญาณถึงการฟื้นตัวกลับมาของการใช้บริการและอุปสงค์ของอุปกรณ์ต่างๆเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับที่บริษัทประกันอย่าง UnitedHealth Group ที่ออกมาส่งสัญญาณถึงปริมาณการเคลมผ่าตัดที่เพิ่มมากขึ้น
ซึ่งสอดคล้องกับผลตอบแทนในเดือน มิ.ย. ของกลุ่มธุรกิจ อย่าง Healthcare Technology และ Healthcare Equipment ที่ฟื้นตัวกลับมาถึง 12.77% และ 4.98% ตามลำดับ โดยกลุ่มธุรกิจเดียวที่ปรับลดลงในเดือน มิ.ย. ได้แก่ Biotech ที่ปรับลดลงอยู่ที่ -1.11% ล่าสุดบริษัท UnitedHealth Group และ Johnson & Johnson ประกาศผลดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2566 ออกมาสูงกว่าความคาดการณ์ของตลาด พร้อมทั้งมีการปรับแนวโน้มผลดำเนินงานปี 2566 ขึ้นทั้งปี สะท้อนถึงการกลับเข้าสู่สภาวะปกติของอุตสาหกรรมหลังจากที่ธุรกิจและผลดำเนินงานของกลุ่ม Healthcare ถูกกดดันให้เร่งตัวขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสร้างฐานการดำเนินงานที่สูงผิดปกติในปี 2563 -2564
นอกจากนั้นการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม Health Care ยังคงมีความน่าสนใจในช่วงที่เศรษฐกิจและนโยบายการเงินยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน เนื่องจากอุตสาหกรรม Health Care เป็นอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนขึ้นกับวัฏจักรเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ และมีความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาที่ต่ำ (Low Price Elasticity of Demand) เนื่องจากเป็นสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับสุขภาพและการรักษาซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ในการดำรงค์ชีวิต โดยกองทุน AB International Health Care Portfolio เน้นลงทุนในหุ้นที่มีความสามารถในการทำกำไรที่แน่นอน และเป็นกลุ่มที่มีรายได้ที่ชัดเจน ในขณะที่กองทุน Schroder International Selection Fund Healthcare Innovation เน้นลงทุนในหุ้นที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับการเติบโตในระยะกลางถึงยาว
กลยุทธ์การลงทุน
สำหรับ PRINCIPAL GHEALTH ทีมจัดการลงทุนจะมีการวางกรอบน้ำหนักการลงทุนใน 2 กองทุนหลัก ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์การลงทุนหรือปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมในแต่ละช่วง (บริหารพอร์ตแบบ Active/Dynamic) โดยจะแบ่งเป็น 3 เหตุการณ์ (Scenario) คือ Risk-off, Neutral และ Risk-on
พอร์ตการลงทุนดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการสัดส่วนการลงทุน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อลงทุนจริง ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดการลงทุนและโอกาสการลงทุนในแต่ละขณะ ทั้งนี้ ประมาณการสัดส่วนการลงทุน ไม่ใช่การรับประกันหรือยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต
Source: Principal Asset Management
โดยทีมจัดการลงทุนมีการคงสัดส่วนน้ำหนักการลงทุนใน AB International Health Care Portfolio และ Schroder International Selection Fund Healthcare Innovation อยู่ที่ 40:60 ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่มีแนวโน้มชะลอลง และทิศทางมุมมองอัตราดอกเบี้ยของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่ให้โอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED อีก 0.25% ในการประชุมเดือน ก.ค. ที่จะถึงนี้ ขึ้นมาอยู่ที่ 5.25 – 5.50% ถึง 99.8% (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ก.ค. 2566) และคาดถึงการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค. 2567 กลับมาอยู่ที่ 5.00 – 5.25%ถึง 41.5% แต่อย่างไรก็ดีนักลงทุนยังมองเป้าอัตราดอกเบี้ยสิ้นปีนี้ต่ำกว่าคาดการณ์ของ FED ที่มีค่ากลางอยู่ที่ 5.4 – 5.6% จากการประชุมครั้งล่าสุดในเดือน มิ.ย. 2566
Source: CME Group as of 20 July 2023
ผลตอบแทนของกองทุน
ในช่วงเดือน มิ.ย. ดัชนี MSCI ACWI Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.64% ในขณะที่ดัชนี MSCI World Healthcare Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.10% โดยเป็นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลกโดยรวมที่นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำธุรกิจเกียวกับ Artificial Intelligence (AI) หรือปัญญาประดิษฐ์ อย่าง Tesla, Nvidia, Advanced Micro Devices, Apple, Meta Platforms ส่งผลให้ผลดำเนินงานของหุ้นกลุ่มอื่นๆ รวมถึงกลุ่ม Healthcare จึงฟื้นตัวตามได้ช้ากว่า โดยหากคำนวณวัดผลตอบแทนตั้งแต่หลังจากที่มีการปรับกองทุนที่เลือกลงทุนใหม่ (วันที่ 13 พ.ค. 2565 จนถึงวันที่ 18 ก.ค. 2566) PRINCIPAL GHEALTH ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 3.53%(THB) สอดคล้องใกล้เคียงกับดัชนี MSCI World Health Care Index (USD) ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.62% และดัชนี MSCI All Country World Index (USD) ปรับขึ้นอยู่ที่ 11.38% โดยช่วงดังกล่าวค่าเงิน USD/THB แข็งค่าขึ้น 1.63%
Source: Bloomberg, Principal Asset Management as of 18 July 2023
ผลการดำเนินงานย้อนหลังจาก Fund Fact Sheet ณ 30 มิ.ย. 2566
Source: Fund Fact Sheet as of 30 June 2023
ผลตอบแทนของ Sub-Index ของหุ้นกลุ่ม Health Care
Source: Bloomberg, Principal Asset Management as of 20 July 2023
รายละเอียดกองทุน
กองทุน Principal Global Health Innovation Fund (PRINCIPAL GHEALTH) ปัจจุบันมีการลงทุนผ่าน 2 กองทุนหลัก คือ AB International Health Care Portfolio และ Schroder International Selection Fund Healthcare Innovation โดยคาดจะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนที่เติบโตไปกับอุตสาหกรรม Health Care ที่มีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ ได้แก่ การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และนวัตกรรมการแพทย์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยกองทุน PRINCIPAL GHEALTH จะลงทุนทั้งในส่วนของ Healthcare แบบดั้งเดิม (Traditional Healthcare) และ Healthcare แบบสมัยใหม่ (Healthcare innovation) ซึ่งจะช่วยให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์หรือปัจจัยความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาค (Macro Factors) เพื่อจำกัดความผันผวนของโอกาสรับผลตอบแทนในระยะสั้นและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว (Traditional Healthcare จะมีแนวโน้มปรับตัวลงน้อยกว่าในสภาวะตลาดขาลง ส่วน Healthcare Innovation จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นดีกว่าโดยเฉพาะในช่วงตลาดขาขึ้น) โดยกองทุนเน้นกระจายการลงทุนเชิงรุกระหว่าง Traditional Health และ Health Innovation มีการปรับพอร์ตการลงทุนแบบ Dynamic ตามสภาวะตลาดที่เหมาะสม
รายละเอียดของกองทุนหลัก มีดังนี้
- กองทุน AB International Health Care Portfolio เน้นลงทุนในกลุ่ม Traditional Healthcare โดยมีกระบวนการลงทุนแบบ Bottom-up และ High conviction ที่เน้นลงทุนบริษัทที่มีคุณภาพสูง เติบโตอย่างมั่งคงในระยะยาว เช่น ผลตอบแทนจากการลงทุนสูง (High returns on invested capital) ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งนี้กองทุนได้รับรางวัล Overall Morningstar Rating 5 ดาว (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2566)
- กองทุน Schroder International Selection Fund Healthcare Innovation เน้นลงทุนใน Healthcare Innovation มีการกระจายการลงทุนเชิงรุกผ่าน 5 ธีมนวัตกรรมการแพทย์ ได้แก่ 1. Advanced therapies 2. Med tech 3. Healthcare services 4. Digital healthcare และ 5. Wellbeing โดยมีกระบวนการลงทุนแบบ Bottom-up approach และลงทุนหุ้นประมาณ 50-70 บริษัท
Source: AB International Health care fund presentation and Schroder Health innovation fund presentation,
Data as of December 2021
ข้อมูลกลุ่มอุตสาหกรรม ประเทศ และหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุน Principal Global Health Innovation Fund (PRINCIPAL GHEALTH)
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจํานวนมาก / กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจได้รับกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืน ต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ /กองทุนอาจใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน/ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนในเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน/บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิเปลี่ยนแปลงประเภทและลักษณะพิเศษของกองทุน PRINCIPAL GHEALTH ในอนาคตเป็น Feeder Fund หรือกองทุนรวมที่มีการลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์และทรัพย์สิน ทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศได้ หรือกลับมาเป็นกองทุน Fund of Funds ได้โดยไม่ทำให้ระดับความเสี่ยงของการลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ให้เป็นตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน/ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต