Special Report: Fund Update (PRINCIPAL GHEALTH)
กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล เฮลธ์ อินโนเวชั่น (PRINCIPAL GHEALTH)
โดย คุณวิริยา โภไคศวรรย์– International Fund Manager
คุณอะนะ แพร่พิพัฒน์มงคล – Head of Investment Strategy
28 March 2023
ภาพรวมอุตสาหกรรม Health Care
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงในเดือน ก.พ. 2566 ซึ่งมีภาพที่แตกต่างจากเดือน ม.ค. 2566 ที่มีการฟื้นตัวแรงตามความคาดหวังถึงการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของทางฝั่งสหรัฐหลังจากที่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพียง 0.25% ในการประชุมช่วงสิ้นเดือน ม.ค. 2566 ขึ้นมาอยู่ที่ 4.50-4.75% แต่หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของเดือน ม.ค. 2566 ที่ประกาศออกมาดีกว่าความคาดการณ์ของตลาดโดยเฉพาะภาคบริการและการจ้างงาน ส่งผลให้ทั้งนักลงทุนและสมาชิก FED ส่วนใหญ่กังวลต่อแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อที่จะคงอยู่ในระดับสูง หรือจะชะลอตัวลงช้ากว่าความคาดการณ์ เห็นได้จากอัตราเงินเฟ้อเดือน ม.ค. 2566 ของ Eurozone ที่ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 8.6% จากก่อนหน้านี้ที่ 8.5% และยังเป็นการเร่งตัวขึ้นในฝรั่งเศสและสเปน ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลักทั่วโลกส่วนใหญ่จะยังเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่อง และคงอยู่ในระดับสูงนานขึ้น กลับมากดดันบรรยากาศการลงทุนในเดือน ก.พ. 2566 ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับมาพิจารณาถึงความสามารถในการบริหารจัดการกับต้นทุนสินค้าและการเงินที่ปรับตัวสูงขึ้น และความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนไปยังลูกค้าหรือผู้บริโภคมากขึ้น
โดยล่าสุดในเดือน มี.ค. 2566 นี้ ถึงแม้จะมีข่าวของความไม่มั่นคงของบางธนาคารทั้งในสหรัฐและยุโรป เช่น Silicon Valley Bank และ Credit Suisse ซึ่งภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาจัดการรองรับสถานการณ์ด้วยความรวดเร็วเพื่อควบคุมผลกระทบให้อยู่ในวงจำกัดแต่ธนาคารกลางทั้ง FED และ ECB ยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. 2023 อย่างต่อเนื่องโดย FED ยังคงปรับอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ขึ้นมาอยู่ที่ 4.75-5.00% และ ECB ยังคงปรับอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ส่งผลให้ Deposit Facility Rate ขึ้นมาอยู่ที่ 3.00%, Main Refinancing Rate อยู่ที่ 3.50% และ Marginal Lending Rate อยู่ที่ 3.75%
การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม Health Care ยังคงมีความน่าสนใจในช่วงที่ความไม่แน่นอนทั้งด้านเศรษฐกิจและนโยบายการเงินอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนขึ้นกับวัฏจักรเศรษฐกิจค่อนข้างต่ำ และมีความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาที่ต่ำ (Low Price Elasticity of Demand) เนื่องจากเป็นสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับสุขภาพและการรักษา โดยกองทุน Principal Global Health Innovation Fund (PRINCIPAL GHEALTH) มีการลงทุนผ่านกองทุน AB International Health Care Portfolio ที่มั่นใจว่าการลงทุนในหุ้นรายตัวที่มีอัตราการทำกำไร (Profitability) ที่ดี ผลตอบแทนของการลงทุน (Return on Investment) ที่แข็งแกร่ง และโอกาสในการเติบโตที่สูงและต่อเนื่องในระยะยาว กล่าวคือ การคัดเลือกลงทุนในบริษัทหรือกลุ่มอุตสาหกรรมย่อยของกลุ่ม Health Care ที่มีความสามารถในการทำกำไรจากผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเด่นและสามารถทดแทนได้ยาก ซึ่งจะสะท้อนต่อความสามารถในการเติบโตที่ยั่งยืน ในระยะกลางถึงระยะยาว และกองทุน Schroders Healthcare Innovation ที่มั่นใจว่าแนวโน้มตลาดการลงทุนในปีนี้จะนำโดยปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัท โดยการคัดเลือกหุ้นคุณภาพ พื้นฐานแข็งแกร่งเป็นปัจจัยสำคัญ โดยยังคงเน้นการลงทุนใน 1. Advanced Therapies ที่ได้ประโยชน์ตามการพัฒนาและรักษาที่มีความแม่นยำและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการรักษาแบบลึกไปยังระดับ gene therapy 2. Med Tech ที่พัฒนาตามเทคโนโลยีการใช้ Robot และการรักษาทางไกล 3. Healthcare Services ที่เน้นการให้บริการที่มีประสิทธิภาพล้นระยะเวลาในการเดินทางและบริหารจัดการ 4. Digital Healthcare พัฒนาด้าน sensor ตรวจจับ บันทึกข้อมูล และปัญญาประดิษฐ์ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลให้แม่นยำและรวดเร็ว 5. Wellbeing ที่เน้นการดูแล รักษาสุขภาพ ร่างกาย การมองเห็น และการได้ยินให้มีประสิทธิภาพและการใช้งานที่ยาวนาน โดยสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น โดยผู้ป่วยและผู้ที่ใส่ใจสุขภาพมีความต้องการประสิทธิภาพและการรักษาที่แม่นยำในระดับสูงสุดอยู่ตลอด
กลยุทธ์การลงทุน
สำหรับ PRINCIPAL GHEALTH ทีมจัดการลงทุนจะมีการวางกรอบน้ำหนักการลงทุนใน 2 กองทุนหลัก ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์การลงทุนหรือปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมในแต่ละช่วง (บริหารพอร์ตแบบ Active/Dynamic) โดยจะแบ่งเป็น 3 เหตุการณ์ (Scenario) คือ Risk-off, Neutral และ Risk-on
*พอร์ตการลงทุนดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการสัดส่วนการลงทุน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อลงทุนจริง ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดการลงทุนและโอกาสการลงทุนในแต่ละขณะ ทั้งนี้ ประมาณการสัดส่วนการลงทุน ไม่ใช่การรับประกันหรือยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต
Source: Principal Asset Management
โดยทีมจัดการลงทุนมีการคงสัดส่วนน้ำหนักการลงทุนใน AB International Health Care Portfolio และ Schroder International Selection Fund Healthcare Innovation อยู่ที่ 40:60 ตามทิศทางการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่ถึงแม้ว่าจะยังคงปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 แต่จะเป็นการปรับขึ้นในอัตราที่ลดลงและผ่อนคลายมากกว่าปีที่ผ่านมา โดย ณ วันที่ 24 มี.ค. 2566 ประมาณจากจาก Fed Fund Future สะท้อนถึงโอกาสที่การประชุม FOMC ครั้งต่อไปในเดือน พ.ค. นี้ FED จะคงอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 72.8% และมีโอกาสที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค. 2566 นี้ ดังนั้นจึงยังคงสัดส่วนของ Traditional ไว้กว่า 40% และสัดส่วน Innovation อยู่ที่ 60% โดยยังคงจับตาความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและนโยบายการเงินอย่างระมัดระวัง
Source: CME Group as of 24 March 2023
ผลตอบแทนของกองทุน
ในช่วงเดือน ก.พ. 2566 ดัชนี MSCI ACWI Index ปรับตัวลงตามความกังวลถึงความไม่แน่นอนของอัตราเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกโดยปรับตัวลงอยู่ที่ -2.98% ในขณะที่ดัชนี World Healthcare Index ปรับตัวลงมากกว่า -4.19% และผลดำเนินงานของกองทุน PRINCIPAL GHEALTH ลดลงอยู่ที่ -2.45% โดยเป็นการปรับตัวลงแบบวงกว้างหลายกลุ่มอุตสาหกรรมย่อย และนำโดยกลุ่ม Healthcare Technology และ Healthcare Provider & Services
อย่างไรก็ดี ผลตอบแทน PRINCIPAL GHEALTH เมื่อคำนวณตั้งแต่หลังจากที่มีการปรับกองทุนที่เลือกลงทุนใหม่ (วันที่ 13 พ.ค. 2565 จนถึงวันที่ 22 มี.ค. 2566) อยู่ที่ประมาณ -1.66% (THB) โดยดัชนี MSCI All Country World Index (USD) ปรับลงอยู่ที่ -0.99% และดัชนี MSCI World Health Care Index (USD) ปรับลงอยู่ที่ -0.62% โดยช่วงดังกล่าวค่าเงิน USD/THB อ่อนค่าลงกว่า 1.38% ปัจจุบันกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินอยู่ประมาณ 90% (ข้อมูล ณ 24 มี.ค. 2566) ทั้งนี้ การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนตามสถานการณ์การลงทุน
Source: Bloomberg, Principal Asset Management as of 22 March 2023
ผลการดำเนินงานย้อนหลังจาก Fund Fact Sheet ณ 28 ก.พ. 2566
Source: Fund Fact Sheet as of 28 February 2023
ผลตอบแทนของ Sub-Index ของหุ้นกลุ่ม Health Care
Source: Bloomberg, Principal Asset Management as of 24 March 2023
รายละเอียดกองทุน
กองทุน Principal Global Health Innovation Fund (PRINCIPAL GHEALTH) ปัจจุบันมีการลงทุนผ่าน 2 กองทุนหลัก คือ AB International Health Care Portfolio และ Schroder International Selection Fund Healthcare Innovation โดยคาดจะช่วยสร้างโอกาสการลงทุนที่เติบโตไปกับอุตสาหกรรม Health Care ที่มีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ ได้แก่ การก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และนวัตกรรมการแพทย์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยกองทุน PRINCIPAL GHEALTH จะลงทุนทั้งในส่วนของ Healthcare แบบดั้งเดิม (Traditional Healthcare) และ Healthcare แบบสมัยใหม่ (Healthcare innovation) ซึ่งจะช่วยให้ผู้จัดการกองทุนสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์หรือปัจจัยความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยมหภาค (Macro Factors) เพื่อจำกัดความผันผวนของโอกาสรับผลตอบแทนในระยะสั้นและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว (Traditional Healthcare จะมีแนวโน้มปรับตัวลงน้อยกว่าในสภาวะตลาดขาลง ส่วน Healthcare Innovation
จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นดีกว่าโดยเฉพาะในช่วงตลาดขาขึ้น) โดยกองทุนเน้นกระจายการลงทุนเชิงรุกระหว่าง Traditional Health และ Health Innovation มีการปรับพอร์ตการลงทุนแบบ Dynamic ตามสภาวะตลาดที่เหมาะสม
รายละเอียดของกองทุนหลัก มีดังนี้
- กองทุน AB International Health Care Portfolio เน้นลงทุนในกลุ่ม Traditional Healthcare โดยมีกระบวนการลงทุนแบบ Bottom-up และ High conviction ที่เน้นลงทุนบริษัทที่มีคุณภาพสูง เติบโตอย่างมั่งคงในระยะยาว เช่น ผลตอบแทนจากการลงทุนสูง (High returns on invested capital) ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งนี้กองทุนได้รับรางวัล Overall Morningstar Rating 5 ดาว (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565)
- กองทุน Schroder International Selection Fund Healthcare Innovation เน้นลงทุนใน Healthcare Innovation มีการกระจายการลงทุนเชิงรุกผ่าน 5 ธีมนวัตกรรมการแพทย์ ได้แก่ 1. Advanced therapies 2. Med tech 3. Healthcare services 4. Digital healthcare และ 5. Wellbeing โดยมีกระบวนการลงทุนแบบ Bottom-up approach และลงทุนหุ้นประมาณ 50-70 บริษัท
Source: AB International Health care fund presentation and Schroder Health innovation fund presentation,
Data as of December 2021
ข้อมูลกลุ่มอุตสาหกรรม ประเทศ และหุ้น 10 อันดับแรกที่กองทุน Principal Global Health Innovation Fund (PRINCIPAL GHEALTH)
AB International Health Care Portfolio:
Industry, Country Allocation and Top 10 Holdings
Schroder International Selection Fund Healthcare Innovation Portfolio:
Sector, Geographical Breakdown and Top 10 Holdings
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจํานวนมาก / กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจได้รับกำไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืน ต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ /กองทุนอาจใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน/ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนในเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน/บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิเปลี่ยนแปลงประเภทและลักษณะพิเศษของกองทุน PRINCIPAL GHEALTH ในอนาคตเป็น Feeder Fund หรือกองทุนรวมที่มีการลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์และทรัพย์สิน ทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศได้ หรือกลับมาเป็นกองทุน Fund of Funds ได้โดยไม่ทำให้ระดับความเสี่ยงของการลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ให้เป็นตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน/ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต