เศรษฐกิจมาเลเซียโตแกร่ง 5.2% เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ หนุนลงทุนตราสารหนี้มาเลเซีย ที่ยังคงมียีลด์ระดับสูง

Image

 

  • ในไตรมาส 3/2568 เศรษฐกิจของมาเลเซีย (GDP Growth) เติบโตได้แข็งแกร่งที่ 5.2% YoY สอดคล้องกับที่ทางธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) คาดการณ์ และถือว่าเป็นไตรมาสที่เติบโตสูงที่สุดของปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศ และการเติบโตของภาคการผลิตและการบริการ รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยในอนาคตการเติบโตของเศรษฐกิจจะถูกหนุนจากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การท่องเที่ยว และการส่งออกที่กำลังฟื้นตัวเป็นหลัก โดยการเติบโตดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งปีนี้ของธนาคารกลางมาเลเซียที่ 4 – 4.8% 

  • อีกทั้งล่าสุดธนาคารกลางมาเลเซียคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.75% จากการประชุมล่าสุดในเดือน พ.ย. โดย Abdul Rasheed ผู้ว่าธนาคารกลางมาเลเซียกล่าวชัดเจนว่ายังคงเหลือพื้นที่ว่างทางนโยบาย (Policy Space) สำหรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตหากจำเป็น โดยจะขึ้นอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อ ซึ่งล่าสุดเงินเฟ้อ (CPI) มาเลเซียของเดือนก.ย. ยังคงมีความเสถียรภาพ และอยู่ในระดับต่ำที่ 1.5% YoY ในส่วนตัวเลขเศรษฐกิจอื่น ๆ ของมาเลเซียก็เติบโตแข็งแกร่งเช่นกัน เช่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนก.ย. ที่เติบโตถึง 5.7% YoY ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 5.4% YoY

  • นอกจากนี้อัตราผลตอบแทน (Yield) ของพันธบัตรรัฐบาลมาเลเซียยังอยู่ในระดับสูงกว่าของไทย โดยพันธบัตรรัฐบาลมาเลเซียอายุ 10 ปีมีอัตราผลตอบแทนที่ 3.48% ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีมีอัตราผลตอบแทนที่ 1.71% เท่านั้น (Source: Bloomberg as of 17 November 2025) อีกทั้ง Credit Rating พันธบัตรรัฐบาลมาเลเซียอยู่ในระดับ A- ซึ่งสูงกว่าของไทยอยู่ที่ระดับ BBB+ สะท้อนความเชื่อมั่น และเสถียรภาพการเงินที่มั่นคงกว่าไทย

  • จากปัจจัยดังกล่าว บลจ.พรินซิเพิล แนะนำซื้อตราสารหนี้มาเลเซียผ่าน PRINCIPAL MYRFIUH โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนตราสารหนี้มาเลเซียทั้งพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดี ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือ Investment grade (IG) กองทุนมีกระบวนการลงทุนที่แข็งแกร่ง โดยวิเคราะห์ทั้ง Top down และ Bottom up เพื่อสรรหาตราสารหนี้ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ทำให้กองทุนไม่เคยเกิดเหตุ Default ในตราสารที่ลงทุนตั้งแต่ก่อตั้งมาแล้วถึง 30 ปี

  • ปัจจุบันกองทุนหลักมี Yield to Maturity (YTM) ที่ 3.91% Duration ที่ 4.69 ปี และมี Average Credit Quality (อันดับเครดิตเฉลี่ย) ที่ AAA to AA1 (Data as of 31 October 2025)  และมีกลยุทธ์คือ Overweight ตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อรับผลตอบแทนส่วนเพิ่ม โดยเน้นไปที่ตลาดแรกเป็นหลักเนื่องจาก pipeline ของผู้ออกตราสารมีคุณภาพสูง ฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีความเสี่ยงด้านการค้าระหว่างประเทศที่จำกัด 

  • กองทุนหลัก (Principal Lifetime Bond) สามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ถึง 18 จาก 20 ปีที่ผ่านมา ในปี 2010 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนสูงสุดอยู่ที่ 10.3% และในปี 2023 ให้ผลตอบแทน ที่ 6.9% และแม้ในช่วงภาวะตลาดที่ท้าทาย เช่น วิกฤตการเงินโลกในปี 2008 กองทุนติดลบเพียง 0.3% ขณะที่ในปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว กองทุนติดลบเพียง 0.1% เท่านั้น สะท้อนถึงการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลตอบแทน (YTD) ในปีนี้ กองทุนปรับขึ้นได้ถึง 4.62% (Data as of 31 October 2025) โดยนักลงทุนสามารถอ้างอิงน้ำหนักการลงทุนที่เหมาะสมได้ตามพอร์ตการลงทุนแนะนำตามระดับความเสี่ยงในหน้าที่ 2 หรือคลิกที่นี่เพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติม 

Image

 

Image
Image


 

คำเตือน: Principal Asset Allocation Plan เป็นบริการการแนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนแบบการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ต่าง ๆ (Asset Allocation) ตามระดับความเสี่ยงในการลงทุนของผู้ลงทุน โดยเป็นการพิจารณาและประเมินภาวะการลงทุน เพื่อการสร้างและปรับพอร์ตอย่างสมดุล และอาจจะพิจารณาและนำเสนอการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนหรือปรับพอร์ตลงทุนเป็นรายเดือน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพอร์ตการลงทุนมีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและสอดรับกับภาวะการลงทุน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เปลี่ยนไปตามภาวะตลาดส่งผลให้สัดส่วนของแต่ละสินทรัพย์ที่ลงทุนมีการปรับเปลี่ยนไปจากสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม อาจทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูงหรือต่ำไปกว่าที่ควรจะเป็น เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนเข้าสู่สัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม Principal Asset Allocation Plan เป็นเพียงคำแนะนำของ บริษัทจัดการ ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามคาดหวัง ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจการจัดสรรการลงทุน (Basic Asset Allocation) ตามคำแนะนำของสำนักงาน ก.ล.ต.
พอร์ตการลงทุนดังกล่าวเป็นเพียงการประมาณการสัดส่วนการลงทุน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้เมื่อลงทุนจริง ขึ้นอยู่กับสภาพตลาด การลงทุนและโอกาสการลงทุนในแต่ละขณะ ทั้งนี้ ประมาณการสัดส่วนการลงทุน ไม่ใช่การรับประกันหรือยืนยันถึงผลตอบแทนในอนาคต/ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
คำอธิบายประกอบ Clients’ Portfolio Model 5 พอร์ตลงทุนแนะนำ
• สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “ปานกลางค่อนข้างสูง” แนะนำพอร์ตการลงทุน “Income” 
• สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “สูง” ท่านสามารถลงทุนในพอร์ตการลงทุน “Income” และ “Balance”
• สำหรับผู้ลงทุนที่มีระดับความเสี่ยง “สูงมาก” ท่านสามารถลงทุนในพอร์ตการลงทุน “Income”, “Balance”, “Growth”, “Active Growth” และ “Global Growth”
• ทั้งนี้หากท่านผู้ลงทุนมีความประสงค์จะลงทุนในพอร์ตลงทุนที่มีระดับความเสี่ยงสูงกว่าระดับความเสี่ยงการลงทุนของท่าน ท่านจะต้อง “ยืนยัน” รับทราบความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนที่ท่านได้เลือกลงทุน

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / PRINCIPAL GQE, PRINCIPAL GCREDIT, PRINCIPAL USEQ กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL GLEADER และ PRINCIPAL GIFUH กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในอเมริกาเหนือ และยุโรปผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL MYRFIUH กองทุนหลักลงทุนลงทุนกระจุกตัวในประเทศมาเลเซีย ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL VNEQ ลงทุนกระจุกตัวในประเทศเวียดนาม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL KEQ ลงทุนกระจุกตัวในประเทศเกาหลีผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / PRINCIPAL DEF นี้มีการกระจุกตัวของการถือหน่วยการลงทุนจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดที่ถือหน่วยการลงทุนเกิน 1 ใน 3 เป็นสัดส่วนร้อยละ 75.60 (ณ วันที่ 31 ต.ค. 2568) โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลผ่านเว็บไซด์ของบริษัทจัดการ (www.principal.th) / PRINCIPAL DPLUS มีการลงทุนในต่างประเทศบางส่วนซึ่งจะไม่เกินร้อยละ 79 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ จึงอาจทำให้กองทุนมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทและสกุลเงินต่างประเทศอื่น ๆ ดังนั้น บริษัทจัดการจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุน ณ ต่างประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว / PRINCIPAL MYRFIUH และ PRINCIPAL GIFUH จะไม่ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (unhedged) ดังนั้นกองทุนจึงมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้ /ผู้ลงทุนควรศึกษาผลการดำเนินงานของหน่วยลงทุนแต่ละชนิดของกองทุนใน https://www.principal.th/th/mutual-fundth ก่อนตัดสินใจลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต