“Reopening Theme” เมื่อการกลับมาของภาคเศรษฐกิจ นำมาซึ่งโอกาสในการลงทุน
ชูกองทุนรวมธีม Reopening แนะนำกองทุนเด่นได้รับอนิสงค์จากการกลับมาของภาคเศรษฐกิจ
สัญญาณของการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ
“3 ปัจจัยที่จะส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกกลับคืนมา ได้แก่ 1. อัตราการฉีดวัคซีนที่มากขึ้น 2. อัตราผู้ติดเชื้อลดลง และ 3. จำนวนผู้คนที่ออกมาทำกิจกรรมข้างนอกมากขึ้น ทำให้ธุรกิจกลับมาดำเนินการต่อ”
“Reopening”-When Social and Economic Lives Resume เมื่อการกลับมาของภาคเศรษฐกิจ นำมาซึ่งโอกาสในการลงทุน เมื่อทั่วโลกต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ทุกประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบสาธารณสุข สังคม สิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลต่อ GDP (Gross Domestic Product) ของประเทศ อันเนื่องมาจากปัจจัยการนำเข้า-ส่งออก และกำลังการบริโภคภายในประเทศ เรามักจะได้ยินคำพูดหนึ่งเสมอว่า “ในทุกวิกฤต ย่อมมีโอกาสเสมอ” และดูเหมือนว่าโอกาสในวิกฤตครั้งนี้ได้มาถึงแล้ว จากแนวโน้มอัตราการลดลงของผู้ติดเชื้อรายใหม่ และปริมาณวัคซีนที่ผลิตได้มากขึ้น ทำให้สถานการณ์การควบคุมโรคในหลาย ๆ ประเทศมีการผ่อนคลายลง ให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตที่เป็นปกติได้มากขึ้น เศรษฐกิจโดยรวมมีการปรับตัวที่ดีขึ้น จึงเป็นโอกาสที่ดีในการกลับมาลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนในช่วงเริ่มต้นของเศรษฐกิจขาขึ้น
ปัจจัยที่สนับสนุนการฟื้นตัวทางภาคเศรษฐกิจ
1. อัตราการฉีดวัคซีน COVID-19 ของโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 37 ล้านโดสต่อวัน โดยคาดว่าจะใช้ เวลาอีกเพียง 9 เดือน จะทำให้ 75% ของจำนวนประชากรโลกได้รับวัคซีน (ข้อมูล: Bloomberg 31 พ.ค. 2564)
2. จำนวนผู้ฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น นำมาสู่จำนวนของผู้ติดเชื้อที่น้อยลง โดยแสดงเป็นกราฟที่สวนทางกันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชากรในประเทศสหรัฐอเมริกา ตามนโยบายของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ไม่ว่าจะเป็น 222 ล้านโดส ภายใน 100 วันนับจากวันที่เริ่มขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกาวันแรก และล่าสุดคือตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่มีอายุมากกว่า 18 ปี ให้ถึง 70% ภายในวันชาติสหรัฐอเมริกาคือวันที่ 4 กรกฎาคมที่กำลังจะถึงนี้
3. การเคลื่อนไหวของประชากรในสหรัฐอเมริกา ที่กลับมาทำกิจกรรมนอกสถานที่อยู่อาศัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น สวนสาธารณะ ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา หรือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
กองทุนรวมเด่นธีม REOPENING แนะนำจาก บลจ. พรินซิเพิล
จากปัจจัยข้างต้นจึงเป็นโอกาสในการลงทุน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด ได้แนะนำ 5 กองทุนรวมที่น่าสนใจ เกาะกระแส Reopening ดังนี้
1. กองทุนรวม PRINCIPAL iPROP (กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property Sector Fund) ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก)
กองทุนนี้จะเน้นการลงทุนในกลุ่มของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust : REIT) และโครงสร้างพื้นฐานที่จดทะเบียนในไทยและสิงคโปร์เป็นหลัก ซึ่งกระจายอยู่หลายภูมิภาคทั่วโลก มีการลงทุนในรูปแบบของ Digital Economy หรือเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลบนโลกออนไลน์ เช่น Data center Logistics และ Reopening เช่น Retail ซึ่งเน้นการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ปัจจัยที่น่าสนใจคือ ประเทศไทยมีการพัฒนาวัคซีน และการกระจายวัคซีนที่ดีขึ้นเป็นสัญญาณที่ดีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งเป็นผลดีต่อทรัพย์สินประเภทนี้ เนื่องจากรายได้หลักมาจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ และเป็นการลงทุนในกลุ่ม Recovery Play ที่สามารถสร้างผลตอบแทนในช่วงฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากการที่พนักงานออฟฟิศกลับเข้ามาทำงานในสำนักงาน ผู้เช่าพื้นที่ในศูนย์อาหาร และ Community Mall กลับมาเปิดบริการตามปกติ ทำให้ธุรกิจเช่าอสังหาริมทรัพย์มีกำไรเพิ่มขึ้น
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/principal/iPROP-A
2. กองทุนรวม PRINCIPAL VNEQ
กองทุนนี้จะเน้นการลงทุนในประเทศเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันประเทศเวียดนามเป็นที่หมายปองของหลาย ๆ บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ที่อยากเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศเวียดนาม ด้วยเหตุผลเรื่องค่าแรงที่ต่ำกว่าประเทศรอบ ๆ รวมถึงสภาพประชากรส่วนมากเป็นวัยรุ่นวัยทำงาน และเวียดนามยังมีอัตราการเกิดของประชากรในระดับที่สูง จึงมีกำลังการผลิตที่สูงในต้นทุนแรงงานที่ต่ำในระยะยาว เวียดนามเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงสุดในภูมิภาคจากดัชนี VN30 กองทุนนี้เป็นกองทุนที่ลงทุนโดยตรงแห่งแรกของไทย ผ่านทีมงานและนักวิเคราะห์ชาวเวียดนาม มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนโดยผู้จัดการกองทุนที่มีความชำนาญ เวียดนามได้ทำข้อตกลงการค้าระหว่างประเทศกับประเทศต่าง ๆ มากมาย การกลับมาเปิดเศรษฐกิจที่พึ่งพาแรงขับเคลื่อนจากภายในประเทศ ประกอบกับการส่งออกไปยังประเทศทั่วโลกจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจให้กับเวียดนาม
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/principal/VNEQ-A
คำเตือน : กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในปะเทศเวียดนาม ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดนรวมของตนเองด้วย
3. กองทุนรวม PRINCIPAL CHEQ
กองทุนนี้จะเน้นการลงทุนในหุ้นจีน A-share หุ้นศักยภาพสูงที่จดทะเบียนในจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีรายได้หลักจากการบริโภคในประเทศ การแพทย์ และเทคโนโลยี ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก เพื่อโอกาสในการสร้างกำไร และยังช่วยลดความผันผวนของตลาด มีผู้จัดการกองทุนที่มีความชำนาญในประเทศ ที่จะช่วยคัดเลือกกองทุนและปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาด รวมถึงความสามารถในการควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อและจำนวนประชากรที่ติดเชื้อ COVID-19 ได้อย่างดี ทำให้เศรษฐกิจของจีนฟื้นตัวได้รวดเร็วและมีความน่าสนใจอย่างมากในการลงทุน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/principal/CHEQ-A
คำเตือน : กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศจีน ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
4. กองทุนรวม PRINCIPAL APDI
กองทุนนี้จะลงทุนครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เน้นลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงและสม่ำเสมอ มีแนวโน้มในการเติบโตสูงเมื่อเทียบกับตลาดโดยรวม รูปแบบการลงทุนจะเป็นกลุ่ม Digital Lifestyle เช่น E-commerce, Telemedicine, Online Education และกลุ่มของเทคโนโลยี 5G & Fourth Industrial Revolution เช่น Data Center, Cloud computing, Internet of things และเทคโนโลยี Decarbonization อย่างรถยนต์ไฟฟ้า
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/principal/APDI
5. กองทุนรวม PRINCIPAL GBRAND
กองทุนนี้จะเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาวผ่านการลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว การลงทุนหลักจะอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อการกลับมาเปิดเมืองอีกครั้งของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีการฟื้นตัวและกลับมาดำเนินธุรกิจเป็นปกติได้เร็วกว่ากลุ่มประเทศอื่น จึงเป็นกองทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้รวดเร็วกว่ากองทุนอื่น
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/principal/GBRAND-A
คำเตือน : กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย / กองทุนหลักมีการลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น (Consumer Staples Sector) ซึ่งมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลง ของราคาสินค้า การเปลี่ยนแปลงของความต้องการของผู้บริโภค หรือกฎระเบียบของภาครัฐ และมีการกระจุกตัวในกลุ่มเทคโนโลยี (Information Technology Sector) ซึ่งมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และความล้าสมัยของสินค้า ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าวผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก อาจมีความเสี่ยง และความผันผวนของราคาสูงกว่ากองทุนรวมทั่วไปที่มีการกระจายหลายอุตสาหกรรม
ศึกษารายละเอียดกองทุนรวมเพิ่มเติมได้ที่ https://www.principal.th/th/mutual-fundth
ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บลจ. พรินซิเพิล โทร 02-686-9595
Facebook: https://www.facebook.com/principalthailand
LINE: https://lin.ee/C6KFF6E หรือ @principalthailand
YouTube: https://www.youtube.com/channel/UCqELMp69UteyKgtWo4JuBqg
คำเตือน
ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนอาจใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) โดยขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไร จากอัตราแลกเปลี่ยน / หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าทุนเริ่มแรกได้ / ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน / ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต