การลงทุนที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย Biden The Investments under Biden’s policies

Biden is more popular than Thump was after 100 days in office

nis

หลังจากเข้ารับตำแหน่งมาเป็นเวลากว่า 100 วัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐฯ ก็นับว่าสร้างผลงานโดดเด่นในหลายด้าน รวมถึงด้านการรับมือการประเด็นปัญหาการระบาดของโรค COVID-19 ที่ทำได้ดีจนวิถีชีวิตชาวอเมริกันเข้าสู่ภาวะปกติได้มากขึ้น ทำให้หลังจากดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 100 วัน ประธานาธิบดี โจ ไบเดนได้รับคะแนนนิยมมากติด 1 ใน 10 ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในสหรัฐฯทั้งหมด ทั้งนี้ ในช่วงปลายเดือน เม.ย. 2021 ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้เปิดเผยพัฒนาสวัสดิการเพิ่มเติม มูลค่า USD 1.8 trillion เพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังนี้

  • 2.25 แสนล้านเหรียญ เพื่อสวัสดิการด้านการดูแลเด็ก โดยมีเป้าหมายลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนภาคครัวเรือน ในด้านการดูแลบุตร
  • 2.25 แสนล้านเหรียญ เพื่อสวัสดิการสำหรับแรงงานเพื่อให้สามารถลางานแบบได้รับค่าจ้างได้
  • 2 แสนล้านเหรียญ เพื่อ free universal preschool ให้กับเด็กอายุ 3-4 ปี
  • 1.09 แสนล้านเหรียญ เพื่อแป็นการสนับสนุน free community college สำหรับนักเรียน
  •  อื่นๆ

jy
Source: BBC as of April 2021

ในภาพรวมแล้วประธานาธิบดี โจ ไบเดนนั้นยังคงเน้นนโยบายในด้านการพัฒนาสวัสดิการให้แก่ประชาชน สนับสนุนด้านความเท่าเทียมในด้านต่างๆ รวมถึงสิ่งแวดล้อม และจะมีการหารายได้เพื่อมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายทางการคลังเหล่านี้ด้วยการปรับเพิ่มภาษีจากกลุ่มผู้มีรายได้สูง และภาคธุรกิจ แต่ประเด็นการปรับขึ้นภาษีนั้น ณ ปัจจุบัน นั้นยังนับเป็นประเด็นที่ต้องจับตามคาดว่าจะเห็นความชัดเจนก่อนออกเป็นกฎหมายในช่วงปลายไตรมาส 3 ไปแล้ว และน่าจะเป็นการปรับขึ้นแบบขั้นบันได

ซึ่งโดยรวมแล้วแม้นโยบายของโจ ไบเดน มีโอกาสจะส่งทั้งผลดี หรือสร้างผลกระทบต่อตลาดการเงิน/การลงทุน แต่นโยบายเหล่านี้ก็จะมีผลต่อแต่ละกลุ่มสินทรัพย์ กลุ่มอุตสาหกรรมในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป  ในขณะที่ปัจจัยอื่น เช่น พัฒนาการในการรับมือปัญหาโรคระบาด COVID-19 ที่เริ่มดูดีขึ้นในหลายพื้นที่ของโลก ก็ทำให้โอกาสที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาเพิ่มมากขึ้นก็นับว่าไม่น้อย และสภาพคล่องที่ยังคงล้นระบบหลังธนาคารกลางทั่วโลกยังคงมีการใช้นโยบายทางการคลังที่ผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed คาดว่าอย่างเร็วสุดน่าจะเริ่มต้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 ไปแล้ว และการทำ Tapering QE แม้มีโอกาสเกิดขึ้นก่อน แต่คาดว่าเร็วที่สุดอาจจะเป็นในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 ปัจจัยเหล่านี้นับว่าจะส่งผลดีต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยการให้น้ำหนักของกลุ่มสินทรัพย์ในแต่ละกลุ่ม ณ ปัจจุบัน ทาง บลจ. พรินซิเพิล จึงยังคง Overweight การลงทุนสินทรัพย์กลุ่มตราสารทุน ทั้งในและต่างประเทศ

ปัจจัยที่ต้องจับตาเนื่องจากอาจทำให้เปลี่ยนสถานการณ์ลงทุน กลับมา Risk Off ได้

  • การประชุม Fed เดือนมิ.ย. 2021 ส่งสัญญาณ Hawkish เช่น การปรับลด Balance Sheet และหรือส่งสัญญาณการพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
  • สถานการณ์ COVID มีการระบาดใหม่ในประเทศที่ฉีดวัคซีนในปริมาณที่สูงแล้ว อาทิ ในสหรัฐฯและยุโรป/ เชื้อกลายพันธุ์จนวัคซีนปัจจุบันไม่มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการแพร่ระบาดหรือลดอัตราการเสียชีวิตที่เพียงพอ
  • สหรัฐฯ เดินหน้าผ่านกฎหมาย การปรับขึ้นภาษี เร็วกว่าที่คาด
  • Geopolitics ระหว่างสหรัฐฯ กับ จีน มีความเข้มข้นหรือมีนโยบายที่เข้มงวดกว่าปัจจุบันมาก
  • การเติบโตของเศรษฐกิจจีนชะลอตัว การปรับเปลี่ยนการดำเนินนโยบายต่างๆ ภายในของจีนที่อาจส่งผลลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต

กองทุนแนะนำ

gopp

กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ออพพอร์ทูนิตี้ 
Principal Global Opportunity Fund (PRINCIPAL GOPP)

 
นโยบายและกลยุทธ์การลงทุน  ลงทุนในกองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Funds Global Opportunity Fund กองทุนหุ้นโลกที่เน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีความสามารถในการปรับตัวได้ดีท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็วและรุนแรงในธีม Disruptive Change และมีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างน้อย 1 ใน 3 รูปแบบ ได้แก่ ความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านต้นทุน ความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านความแตกต่าง ความได้เปรียบทางการแข่งขันด้านเครือข่าย โดยการลงทุนจะเน้นการลงทุนในลักษณะ Board based ลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ทั้งในเชิงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีโดยตรง ธุรกิจที่เน้นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงประสิทธิภาพ/คุณภาพ รวมถึงธุรกิจที่มีโอกาสจะถูกรบกวนจากกระแสโลกที่เปลี่ยนไปในระดับต่ำ ลดโอกาสในการเผชิญความผันผวนอย่างรุนแรงจากการกระจุกตัวในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง
gr กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล เฮลธ์ อินโนเวชั่น
Principal Global Health Innovation Fund (PRINCIPAL GHEALTH)

(กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก)
 
นโยบายและกลยุทธ์การลงทุน ลงทุนในกองทุน Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund และ Credit Suisse (Lux) Digital Health Equity Fund บนแนวคิดด้านสุขภาพยุคใหม่ที่เปลี่ยนจากการรักษาแบบหว่านแห เข้าสู่การรักษาแบบจำเพาะเจาะจงรายบุคคลมากขึ้น ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเพิ่มความแม่นยำ และเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา ซึ่งกองทุนทั้งสองเน้นธุรกิจในกลุ่มสุขภาพยุคใหม่ทั้ง Value Chian ตั้งแต่ธุรกิจที่ระบุสาเหตุ วินิจฉัย รักษา ป้องกัน รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา จึงครอบคุลมฐานลูกค้าทั้งกลุ่มฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นทั้งกลุ่มที่มีและไม่มีปัญหาสุขภาพ
gedtech กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล เอ็ดดูเคชั่น เทค
Principal Global Education Tech Fund (PRINCIPAL GEDTECH)

 
นโยบายและกลยุทธ์การลงทุน ลงทุนในกองทุน Credit Suisse (Lux) Edutainment Equity Fund ที่เน้นคิดเลือกหุ้นของธุรกิจที่มีรายได้หลักมาจากการศึกษารูปแบบใหม่ ครอบคลุมทั้งรูปที่เป็นงานบริการด้านนวัตกรรมการศึกษา ด้าน content ในรูปแบบดิจิทัล และอุปกรณ์ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเรียนการสอน เพิ่มความสะดวกสบาย และการเข้าถึงการศึกษาแม้ในรูปแบบทางไกล และเพิ่มประสิทธิภาพจากการเรียนในสถานที่จากสื่อและเครื่องมือต่างๆ เช่น Virtual Reality (VR) / Augmented Reality (AR) ตอบโจทย์ทั้งผู้เรียนรายบุคคล และการเพิ่มศักยภาพของพนักงานองกรค์ด้วยการ Reskill Upskills ซึ่งทำให้แนวคิดด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป
cd กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล แบรนด์
Principal Global Brand Fund (PRINCIPAL GBRAND)

 
นโยบายและกลยุทธ์การลงทุน ลงทุนในกองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Funds Global Brand Fund กองทุนหุ้นของธุรกิจที่มีสินค้า/บริการอันมีแบรนด์เป็นที่น่าไว้ใจในหมู่ผู้บริโภค ลงทุนในธุรกิจที่ครอบคลุมหลายหมวดหมู่ ถูกใช้งานจากผู้บริโภคทั้งที่เป็นรายบุคคลและรูปแบบธุรกิจ-ธุรกิจ “เช้ายังค่ำ” 

gclean

กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล คลีน เอ็นเนอร์จี
Principal Global Clean Energy (PRINCIPAL GCLEAN)
นโยบายและกลยุทธ์การลงทุน

ลงทุนในกองทุนหลัก iShares Global Clean Energy ETF กองทุน Passive Fund ซึ่งเน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง S&P Global Clean Energy Index รวบรวมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดทั้งในและนอกประเทศสหรัฐฯ โดยหลายธุรกิจได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนทางภาครัฐฯ บางธุรกิจอาจมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นภาครัฐฯ ที่ต้องการปฏิรูปสิ่งแวดล้อมในประเทศให้สามารถแข่งขันได้ในโลกของพลังงานยุคใหม่ ซึ่งเป็น Megatrend ของโลกอย่างชัดเจน

คำเตือนกองทุน

•    ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
•    กองทุน PRINCIPAL GOPP กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในอเมริกาเหนือ ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
•    กองทุน PRINCIPAL GEDTECH กองทุนหลักลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่นผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
•    กองทุน PRINCIPAL GCLEAN กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
•    กองทุน PRINCIPAL GHEALTH กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก / กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
•    กองทุน PRINCIPAL GBRAND กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
•    กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินทุนเริ่มแรกได้ / บริษัทจัดการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

 

อ่านการลงทุนทีได้ประโยชน์จากนโยบาย Biden The Investments under Biden’s policies ฉบับเต็มที่นี่